Notorious Betty Page อย่าตัดสินคนจากมาตรฐานตัวเอง



ระยะหลังๆ เข็มวัดความดีเลวของฉันเริ่มรวนเร ไม่ใช่เพราะไม่รู้หรอกว่าอะไรดีหรือเลว ยังไงก็รู้แหละว่าฆ่าคนไม่ดี ขโมยของก็เลว ช่วยคนตาบอดข้ามถนนเป็นเรื่องดี

ระยะหลังๆ ในโลกไซเบอร์ที่ใครเป็นใครไม่รู้มักออกมาด่าประนามคนโน้นคนนี้ว่าเลว ทำให้ฉันเริ่มเสียศูนย์ เริ่มหันกลับมามองตัวเองบ่อยๆ และพบว่าตัวเองก็ไม่ได้ดีอะไรนักหนา มีหลายเรื่องเลวๆ ที่ทำไว้แล้วซุกเก็บไว้ (แม้จะไม่ถึงกับฆ่าคนหรือขโมยของก็เถอะน่า)

บางเรื่องเมื่อได้ย้อนกลับมามองดูแล้วคิดว่าอะไร -ดี-เลว-ผิด-ถูก-ชั่ว-ดี- เกณฑ์การวัดมันอยู่ตรงไหน
> เราช่วยนกไม่ให้แมวข้างถนนจับไปกิน เราทำบุญหรือบาปเนี่ย แมวก็หิวนะ
> คนเปิดเพลงในรถยนต์ดังสนั่นถนน (แถมเปิดหน้าต่าง กลัวคนได้ยินไม่ถนัด) คนเปิดน่ะคิดว่าดีแบ่งปันเสียงเพลง คนชอบฟัง (คอเดียวกัน) ก็คิดเออดี มีเพลงฟัง แต่ฉันได้แต่แช่งชักให้หูมันหนวกไม่ชั่วชีวิต (รำคาญมัน)
> เด็กเต้นโชว์เปิดอกที่สีลม อื่มมม ด่ากันใหญ่เลย แต่ไอ้คนด่าน่ะเที่ยวได้ค้นหาคลิปนี้กันให้วุ่นวาย
> ตอนโจรไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ใครก็ไม่รู้กระโดดเข้ามาถีบ เผลอๆ แค่ผ่านมา ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ย
> ไอ้บ้านี่มายืนสูบบุหรี่หน้าบ้าน เพราะในบ้านมีลูกเล็ก แต่ฉันเป็นมะเร็งแทนลูกแกนะโว้ยเพราะควันมันลอยเข้าบ้านฉัน
> แต่ก่อนต้องสวมเสื้อผ้ามิดชิด หญิงชายห้ามจับมือกันในที่สาธารณะ เดี๋ยวนี้ล่ะเป็นไง
> และอีก ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ

มาตรฐานความดีเลวจึงขึ้นอยู่กับบุคคล สถานที่ สภาพแวดล้อม ยุคสมัย อารมณ์และอคติ (โดยเฉพาะสองอย่างหลัง ขอเถียงหัวชนฝาหากใครบอกว่าไม่มีอคติ) และอื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้อง ฉันจึงเริ่มมองเห็นหลายอย่างเป็นสีเทา เทามาก เทาน้อย หรือเทาจางๆ แต่ก็นั่นแหละ มันก็ขึ้นอยู่กับสภาพสายตาในช่วงนั้นอีกด้วย

ชีวิตมันไม่ง่ายจนถึงขนาดตัดสินได้ว่าอะไรดีหรือเลวเพียงแค่ปรายตามอง ยิ่งกว่านั้นยังอาจบอกไม่ได้ว่าดีหมดจดหรือเลวบริสุทธิ์


กลับมาเรื่องหนังดีกว่า เพิ่งได้ดู Notorious Betty Page ที่นำเสนอเรื่องราวของนางแบบหนังสือโป๊ที่โด่งดังมากในยุค 1950 ของอเมริกา

อ้างอิงจากเนื้อเรื่องของหนังละกัน เพราะเข้าไปอ่านประวัติของเบ็ตตี้ เพจตัวจริงแล้วเยอะมาก ถ้าจะให้อ่านก็ดูจะไปไม่ถึงไหน เบ็ตตี้เกิดในครอบครัวที่เป็นคริสเตียนเคร่่งครัด แต่ในช่วงต้นของเรื่องเหมือนจะมีบางอย่างแสดงให้เห็นว่าคนในครอบครัว (น่าจะเป็นพ่อ) บังคับมีเพศสัมพันธ์กับเธอตอนที่เธอเริ่มเข้าวัยรุ่น

แล้วหนังก็ตัดมาเล่าเรื่องราวของเบ็ตตี้อย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องแต่งงานและหย่า การออกมาใช้ชีวิตตามลำพัง ถูกกลุ่มผู้ชายล่อลวงไปข่มขืน และการก้าวย่างเข้ามาเป็นนางแบบหนังสือโป๊เนื่องจากรูปลักษณ์ที่ดึงดูดผู้ชายหื่นและไม่หื่นได้ในทันที

เบตตี้ประสบความสำเร็จในอาชีพนางแบบโป๊เนื่องจากความโดดเด่นเป็นธรรมชาติในการโพสต์ท่าของเธอ ไม่ว่าจะให้แสดงท่าอะไรก็ทำได้ไม่มีกั๊ก ขอบอกว่าคนที่แสดงเป็นเบ็ตตี้น่ะน่ารักจริงๆ ตอนโพสต์ท่าถ่ายภาพ

(อ้อ...ภาพโป๊สมัยก่อนน่ะ นางแบบสวมเสื้อในหรือชุดว่ายน้ำน่ะ ไม่ได้เปลือยทั้งหมด)

แม้ว่าสังคมจะบอกว่าเธอทำเรื่องเลว แต่เธอกลับมองว่านั่นไม่ใช่เรื่องผิด ในตอนหนึ่งของบทสนทนากับชายคนหนึ่ง เบตตี้บอกว่า "เธอไม่รู้ว่าที่ทำน่ะผิดหรือเปล่า ก็ยังสงสัยอยู่ แต่ถ้าพระเจ้าคิดว่ามันผิดก็น่าจะส่งสัญญาณอะไรบางอย่างมาบอกบ้าง"

แล้วสัญญาณก็บอกออกมาในรูปของการพิพากษาคดีของรัฐที่บอกว่าสื่อที่ถ่ายภาพโป๊ส่งผลกระทบต่อชีวิตอันดีของสังคม ดังนั้นเธอจึงหันกลับเข้าสู่ศาสนา

และอีกฉากที่ชอบก็คือตอนก่อนจบที่เบ็ตตี้ไปยืนอ่านคัมภีร์ (ด้วยเสื้อผ้ามิดชิด) ในสวนสาธารณะ แล้วมีชายคนหนึ่งเข้ามาทักว่าใช่เบ็ตตี้ เพจหรือเปล่า เธอก็บอกว่าใช่ ชายคนนั้นบอกว่าไม่ต้องอายไปหรอก เบ็ตตี้บอกว่า --เธอไม่ได้อับอายกับสิ่งที่เธอเคยทำ ก็อดัมกับอีฟยังเปลือยเลยก่อนที่จะรู้ว่ามันเป็นบาป---

ด้วยความเห็นของฉัน พวกคนที่ชอบออกมาประณามนางแบบเหล่านี้แต่ใต้เตียงกลับซุกหนังสือโป๊พวกนี้ไว้น่ะ น่าจะสมควรถูกประนามมากกว่าเสียอีก (นั่นอีก ฉันไปตัดสินคนอื่นอีกแล้ว ไม่ดีนะเนี่ย)

(นี่คือภาพของเบ็ตตี้ เพจตัวจริง เธอเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2008 นอกจากนั้นยังมีเว็บไซต์เป็นทางการ สนใจเข้าไปดูกันที่ http://www.bettiepage.com/)

(นี่คือ เกรตเชน โมล - Gretchen Mol ผู้แสดงเป็นเบ็ตตี้ในเรื่อง และเธอแสดงแบบไม่กั๊กเลย เปลือยทั้งตัว และน่ารักอีกด้วย)
ขอส่งท้ายด้วยความเบื่อของฉันเองที่กำลังสำลักความดีที่มาในรูปของการอ้างอิงธรรมะ ทั้งในแผงหนังสือล้วนเต็มไปด้วยหนังสือธรรมะและถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยใน Social Network หรือใน blog ล้วนแต่เป็นคำพระ ปรัชญาชีวิตที่ฟังดูดี หรือคำที่คล้ายๆ กัน

ความคิดเห็น