ตื่นมาเช้าวันที่ 4 ที่น้ำเข้าหมู่บ้าน วันนี้น้ำในชั้นหนึ่งของบ้านก็สูงยิ่งขึ้นถึงครึ่งแข้ง รองเท้ายางก็เกือบไม่รอด ต้องค่อยๆ ลุยน้ำไปหยิบอุปกรณ์การกินไปชั้นสอง
เช้านี้เห็นบ้านแล้วเศร้าจัง ทุกอย่างที่ทำไว้ต้องมาจมเสียหายไปพร้อมกับน้ำ
แล้วแฟนก็ตัดสินใจว่าอพยพกันดีกว่า เพราะดูจากสภาพการณ์แล้วไม่รู้ว่าถ้าหนีหลังตัดน้ำไฟ จะหนีได้ลำบาก เพราะแมว 4 ตัว ตอนนี้น้ำก็เกือบถึงมิเตอร์ไฟฟ้า ขาดอีกราว 1 เมตร ปั้มน้ำที่หนุนสูงไว้ 1 เมตรก็มีน้ำท่วมมาครึ่งทางแล้ว ตอนนี้น้ำยังท่วมไม่ถึงหลักสี่ ถ้าเอารถยนต์ออกได้แล้วมารอรับแมวที่บิ๊กซีคลอง 5 แถวมอร์เตอร์เวย์ ก็จะไป
สายๆ เราก็ออกเดินทางไปเอารถ
การเดินทางทุลักทุเลมาก เริ่มจากเดินเท้าออกไปถนนใหญ่ ลุยน้ำไปทะลุหมู่บ้านริมถนนที่ตอนนี้น้ำท่วมเต็มพื้นที่แล้ว พอถึงถนนใหญ่ก็โบกรถปิกอัพไปลงหน้าวัดสายไหม เพื่อเดินเท้าออกไปทะลุเส้นสายไหม แล้วโบกรถปิกอัพไปถึงสุดถนน แล้วก็รอรถทหารพาไปถึงแยกคปอ ถนนพหลโยธิน ช่วงนี้ขลุกขลักเอามากๆ จากคนโดยสาร
มีแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งอุ้มลูกมาขอโดยสารรถไปตรงทางเลี้ยวโค้งก่อนออกเส้นพหลโยธิน พอมาถึงก็ขอลง แต่คนบนรถไม่ยอมให้ลง เพราะกลัวว่าจะล้ม น้ำตรงนั้นเชี่ยวมาก แล้วเจ้ากี้เจ้าการจะให้ไปลงปากทางอีกด้านแล้วค่อยเดินย้อนกลับมา ซึ่งเส้นทางเดินย้อนก็ระยะทางพอๆ กับที่เธอคนนั้นตั้งต้นนั่งรถมาลงที่ทางแยกนี่แหละ แถมน้ำเชี่ยวกรากตลอดเส้น ถ้าเธอเดินได้ก็คงเดินจากจุดเริ่มต้นมาแทนจะดีกว่า ยื้อกันไปยื้อกันมาจนในที่สุดเธอคนนั้นก็ลงรถจนได้ กว่าจะออกจากจุดนี้ได้ก็เสียเวลาไปเยอะ
ไปถึงแยก คปอ. ไปต่อรถอีกคันซึ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นรถเช่า บนรถมีหมาสองตัว กับคนโดยสารราว 5-6 คน รถจอดรอที่แยกนานมาก พอรถจะออกก็มีคนจะขอขึ้นอีก ต้องจอดรออีก คนที่เช่ารถมาก็บอกว่าไม่รับแล้วนะครับ เพราะเดี๋ยวตกเครื่องบิน แต่รถก็ยังขับแบบรีรอตลอดเส้น บอกว่าไม่รับก็จอดรับตลอดทาง ฉันไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น มองดูนอกรถและรับฟัง กว่าจะมาถึงโลตัสหลักสี่ได้ก็เกือบบ่ายสาม
เราแวะเข้าห้องน้ำ ซื้อของกิน แล้วก็นั่งแท็กซี่ไปเอารถที่ที่จอดรถ
บนอาคารหลังนั้น รถจอดปิดทางรถของเราไว้หมดทุกด้าน ไม่เหลือที่ไว้ให้เข็นรถแม้แต่น้อย เราต้องวิ่งวุ่นไปมาเพื่อดูระยะรถและประเมินการเข็น ต้องเข็นรถกันเป็นสิบคัน เพื่อให้มีที่ว่างพอดีให้รถออกได้ แฟนเป็นคนคอยบอกให้หัก ให้ตรง ให้ผ่านไป ฉันใช้วิธีผ่อนเบรกทีละนิดๆ เพื่อให้รถไหลไปทีละคืบๆ พอรถออกได้แทบจะฉลอง
แฟนบอกว่าด้านข้างรถทั้ง 2 ด้านห่างกับรถคันอื่นไม่เกิน 5 เซนติเมตร ไม่น่าเชื่อเลย จากนั้นเราก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังจุดหมายก็คือบิ๊กซี ลำลูกกาคลอง 5
แต่หนทางก็ยังไม่ง่าย กว่ารถจะลงจากมอร์เตอร์เวย์ได้ก็กินเวลานาน รถไปติดบนถนนกว่าจะเข้าบิ๊กซีได้ก็ 5 โมงเย็น เราต้องแวะซื้อของจำเป็นเก็บไว้ในรถก่อน ได้แก่ ถาดทรายแมว 2 ใบ ทรายแมว 4 ถุง ทิชชู และตะกร้าแมว 2 ใบ เหลือแต่ใบเล็ก
หลังจากนี้ก็หาโบกรถไปคลอง 3 แต่ก็ไม่ง่าย มีคันหนึ่งไม่ยอมรับ คันต่อไปรับ แต่รถติดทางขึ้นมอร์เตอร์เวย์จนต้องลงจากรถแล้วเดินเท้าไปข้างหน้า เดินจนเหนื่อยก็ไม่เห็นรถให้โบก ในที่สุดรถคันที่ขึ้นไปนั่งครั้งแรกก็ขับมาถึง และขึ้นไปได้ระยะสั้นๆ จากนั้นก็ต่อรถอีก 3 คัน มีปิกอัพ 1 ส่วนที่เหลือเป็นรถใหญ่ สูงๆ ทั้งนั้น ต้องปีนขึ้นปีนลงกันเป็นว่าเล่น พอมาถึงปากซอยหมู่บ้านก็แทบหมดแรง
ถึงปากซอยก็ยังไม่มีเรือเข้า ต้องเดินเท้าเข้าไปอีก
นับตั้งแต่เช้าฉันแช่แข็งสมองไว้ไม่ให้คิดอะไรทั้งนั้น เพราะถ้าคิดท้อสักนิดฉันก็คงจะเลิกเดิน แต่ช่วงเดินกลับเข้าหมู่บ้าน ฉันเริ่มล้า ความคิดหนึ่งแว๊บเข้ามาว่าถ้าได้ปล่อยตัวเองให้ลอยไปตามน้ำ หยุดดิ้นรนซะ ก็คงจะสบาย พอคิดแล้วก็แทบจะหยุดเดินซะตรงนั้น จนต้องเลิกคิดและแช่แข็งสมองไว้อีกครั้ง ปล่อยให้เท้าย่ำเดินไปยอมหยุด จนในที่สุดก็ถึงบ้าน
ช่วงก่อนถึงบ้าน ก็เริ่มเห็นอุปสรรคอีกหนึ่งเกิด ก็คือฟ้าแลบแปลบปลาบตัดกับฟ้าที่มืดครึ้ม ถ้าฝนตก....
ถึงบ้านก็แบ่งหน้าที่กันทำ แฟนไปเลาะไม้เชอร่าหน้าบ้าน 1 แผ่นล่างออก เอาไม้ออกจากหน้าห้องน้ำ เอาดินที่อุดท่อระบายน้ำออก เพื่อว่าตอนน้ำลง มันจะได้ลงไปได้สะดวก ไม่ขังอยู่ในบ้าน
ฉันไล่ปิดหน้าต่างชั้นสองเพื่อกันฝนสาด เก็บเสื้อผ้า ข้าวของ โกยของทุกอย่างไว้ในเป้ ถ้าไม่นับตะกร้าแมว 4 ใบ ก็จะมีเป้เสื้อผ้า 1 กระเป๋าโน้ตบุ๊ค 1 เป้โน้ตบุ๊ค 1 เป้อาหารแมว 1 เป้ของจุกจิก 1 และกระเป๋าแมว 1 ทั้งหมด 6 ใบ โดยที่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะมีรถไปส่งที่บิ๊กซีหรือไม่ แต่ยังไงวันนี้ก็ต้องไปให้ถึงบิ๊กซี เพราะหากไม่เอารถออกวันนี้เกรงว่ารถก็คงจะจมน้ำอยู่ที่บิ๊กซีอีก 1 คัน
เรือของช่างมารอขนอยู่หน้าบ้าน เราค่อยๆ ทยอยเอาของลงไป ปิดท้ายด้วยตะกร้าแมว 4 ใบ ที่คลุมผ้าไว้แยกต่างหาก แล้วฉันก็นั่งเรือออกไป โดยมีช่างกับเมีย และแฟนฉันเดินตามเรือไป ตอนนั้นราว 1 ทุ่มกว่าๆ
เกือบถึงปากซอยฝนก็เริ่มเท ปิดเรือด้วยฟลายชีตกันน้ำ พอถึงป้ายรถเมล์ฝนก็ตกหนัก ต้องเอาฟลายชีตรองบนเก้าอี้ที่ป้ายรถเมล์ วางด้วยตะกร้าแมว แล้วก็ข้าวของ หลายอย่างที่ฉันสะพายไว้อย่างหนัก
คนที่ป้ายรถก็ช่วยกันขนกันทุลักทุเล แล้วเราก็รอรถอย่างไร้อนาคต รถปิกอัพที่ขนอิฐมวลเบาบอกว่า ถ้ามีคนมารับของแล้วจะไปส่งเรา แต่ก็ยังไม่รู้เมื่อไร สักพักรถบรรทุกโค้กคันใหญ่ผ่านมา แฟนเปิดไฟกะพริบ บนรถก็ฉายไฟถามว่าจะไปไหน
“บิ๊กซีคลอง 5 “ แฟนตะโกนตอบ เขาเลยบอกว่าไป
แล้วช่วงนี้ทุกคนบนป้ายรถเมล์และบนรถโค้กก็ออกมาช่วยเรายกสัมภาระออกไปบนช่องบรรทุกโค้ก หลังจากนั้นแฟนก็พยายามวางฟลายชีตรองด้านล่าง แล้วเอาตะกร้าแมววางข้างในเพื่อกันน้ำ กระเป๋ากับเป้โน้ตบุ๊ควางเทินไว้เหนือตะกร้าแมว เป้เสื้อผ้ากองอยู่กับพื้น น้ำเจิ่งเข้ามาในรถ แมวร้องอย่างกระวนกระวาย แต่เราต้องทำเป็นไม่รับรู้ เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไง
อีกช่องของรถโค้ก มีผู้อพยพพร้อมหมาอีกครอบครัว
น้ำบางช่วงลึกมากจนน้ำขึ้นมาบนรถ เป้เสื้อผ้าเปียกไปแล้ว รถค่อยๆ วิ่งฝ่ากระแสน้ำไปจนถึงบิ๊กซี แต่เขาเข้าจอดชิดซ้ายไม่ได้ ดังนั้นเราต้องแบกทุกอย่างไปเอง มีคนโดยสารอีกคนหนึ่งช่วยแบกตะกร้าแมวกับสัมภาระให้ ซึ่งก็จำไม่ได้ว่าอะไร ฉันแบกกรงไอ้เต็มกับฟลายชีตเปียกๆ ลุยน้ำพร้อมเป้และกระเป๋าโน้ตบุ๊คกับเป้าสัมภาระจุกจิก แล้วฟลายชีตที่รุ่ยร่ายไปตามน้ำก็มาพันขาฉันใต้น้ำทำให้ฉันทรุดฮวบลง เข่ากระแทกกับขอบทางเดินเท้าอย่างแรง
แฟนหันมาดูละล้าละลัง จนต้องบอกให้เขาเอาแมวไปวางบนป้ายรถเมล์แล้วค่อยมารับฉัน ฉันก็พยายามทรงตัวไม่ให้ตัวเองล้มไปกับน้ำพร้อมของมีค่าและกรงแมว แล้วแฟนก็มารับไอ้เต็มไป
ช่วงนี้โชคดีที่ฝนหายแล้ว ฉันวางของเสร็จก็เดินดุ่มๆ ไปที่รถ แล้วขับออกมา เหมือนสมองกลที่ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น แค่ทำตามหน้าที่ให้เสร็จ จากนั้นเราก็ลำเลียงแมวเข้ารถทีละตะกร้า เก็บของทีละอย่าง แล้วฉันถึงเห็นว่าเข่าฉันแตกจนเลือดไหลอาบ ช่วงเวลานี้ไม่ใช่เวลามานั่งคำนึงถึงความสะอาดของแผลแล้ว น้ำที่ย่ำมาก็คงไม่สะอาดเท่าไร แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก
ฉันกลับรถขึ้นมอร์เตอร์เวย์แล้วมุ่งหน้าไปชลบุรี พยายามหาโรงแรมอยู่ แห่งแรกเต็ม ขับไปเจอแห่งที่สอง ห้องกว้างใช้ได้ เราเอาแมวลง เปิดตะกร้า มันตื่นกันทุกตัว ฉันกันที่ข้างเตียงฝั่งหนึ่งไว้ให้ไอ้แต่ง และใส่เสื้อเกราะให้มันด้วย กันไม่ให้มันพุ่งเข้ากัดไอ้ 3 ตัว แล้วเราก็ค่อยๆ พยายามจัดระเบียบชีวิตกันใหม่ตามสมควร
เสื้อผ้าที่เปื้อนน้ำสกปรกก็ออกมาผึ่งให้หมาดๆ เตรียมถาดทรายแมว 2 ที่ อาหารน้ำ 2 ชุด แต่ไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนและไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหนอีกด้วย
คืนนี้ฉันยังไม่ได้หลับ ฉันเอาไอ้แต่งซุกไว้ใต้ผ้าห่ม ในขณะที่ไอ้ 3 ตัวเดินสำรวจห้อง ดังนั้นฉันจึงหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืนเพื่อเฝ้ายามไม่ให้แมวกัดกัน
วันนี้เป็นวันที่ยาวนานที่สุดในชีวิต