เริ่มต้นเรื่องราวด้วยการอ้างอิงถึงช่วงเศรษฐกิจตกต่ำของอเมริกา นักธุรกิจคนหนึ่งฆ่าเพื่อนร่วมงาน กลับบ้านมาฆ่าเมียตัวเอง แล้วหอบหิ้วลูกขึ้นรถฝ่ากองหิมะไปจากบ้าน รถเกิดอุบัติเหตุ และพวกเขาก็ได้เข้าไปในบ้านร้างหลังหนึ่ง ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสยองขวัญของเรื่องราวทั้งหมด
แล้วลูคัส ผู้เป็นพ่อ วิคตอเรีย วัย 5 ขวบ และลิลลี่วัย 1 ขวบก็หายสาบสูญไป
หลังจากพี่ชายและหลานสาวสองคนหายตัวไปในวันนั้น เจฟฟ์น้องชายของลูคัสยังคงออกตามหาพี่ชายและหลานสาว จนเวลาผ่านไป 5 ปี เขาก็พบเด็กทั้งสองคนในสภาพเหมือนสัตว์ป่าในบ้านหลังนั้น เขาจึงพาเด็กกลับมาดูแลในบ้านหลังหนึ่ง ด้วยการสนับสนุนจากจิตแพทย์ที่ศึกษาเรื่องเด็กทั้งคู่ พวกเขาจึงต้องย้ายมาอยู่บ้านหลังใหญ่ชานเมืองแล้วดูแลเด็กภายใต้การกำกับของจิตแพทย์ผู้นั้น
หนังเรื่องนี้ไม่ค่อยเหมือนหนังผีที่เกี่ยวกับเด็กทั่วไปนัก แอนนาเบลในเรื่องเป็นแฟนสาวของเจฟฟ์ที่ต้องมารับหน้าที่ดูแลเด็กไปพร้อมกับเขา ในเรื่องแอนนาเบลเป็นมือเบสของวงร๊อค แอนนาเบลไม่ใช่แม่บ้าน ไม่ได้เนี้ยบ ไม่ได้เคร่งครัดระเบียบ ไม่ได้อยากมีลูก (มีฉากแรกๆ ดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ได้ตั้งท้อง) ไม่ได้อยากเลี้ยงเด็ก แต่ต้องเลิกเล่นดนตรี สูญเสียเสรีภาพ เพื่อมาเลี้ยงดูเด็กร่วมกับเจฟฟ์
แม้ว่าทั้งสองฝ่าย แอนนาเบลกับเด็ก เหมือนอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งหมดก็อยู่ร่วมกันได้ด้วยดี ไม่มีขัดแย้งหรือทะเลาะเบาะแว้งกันแต่ประการใด แต่ก็ไม่ได้พยายามจะเอาชนะใจอีกฝ่ายหนึ่ง แค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้นเอง
เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆ เริ่มเปิดเผยตัวตนของ "มาม่า" ที่ทำหน้าที่เลี้ยงดูเด็กมาตลอด 5 ปี วิคตอเรียตอนนั้นอายุ 5 ขวบ ยังคงสภาพของมนุษย์ได้มากกว่าลิลลี่ที่เติบโตมาเหมือนสัตว์ป่า เธอวิ่งสี่ขา นอนใต้เตียง กินอาหารด้วยมือ พูดจาได้จำกัด กลัวคน และเธอก็ผูกพันกับมาม่ามากอีกด้วย
ขอบอกว่าเด็กที่เล่นเป็นลิลลี่เก่งมากๆ หน้าตาท่าทางเหมือนกับสัตว์ป่า เด็กทั้งคู่แสดงได้ดีมากจนต้องขอชมเชยผู้กำกับ
เนื้อเรื่องของ MAMA ถือว่าทำได้สนุกทีเดียว ทำได้หลอนใช้ได้ แถมยังเป็นหนังผีที่เศร้าและเหงามากในตอนจบ
เมื่อดูถึงตอนนี้ฉันก็เริ่มเปลี่ยนใจ หยิบเรื่องอื่นมาใส่เครื่องเล่นแทนเรื่อง Mama แต่แล้วก็เปลี่ยนใจอีกครั้ง ย้อนกลับมาดูต่อ อยากดูหนังที่ไม่ต้องคิดมากนัก และไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย เนื่องจากหนังผีหลายเรื่องที่ผ่านมาก็ผิดหวังมาตลอด
หลังจากพี่ชายและหลานสาวสองคนหายตัวไปในวันนั้น เจฟฟ์น้องชายของลูคัสยังคงออกตามหาพี่ชายและหลานสาว จนเวลาผ่านไป 5 ปี เขาก็พบเด็กทั้งสองคนในสภาพเหมือนสัตว์ป่าในบ้านหลังนั้น เขาจึงพาเด็กกลับมาดูแลในบ้านหลังหนึ่ง ด้วยการสนับสนุนจากจิตแพทย์ที่ศึกษาเรื่องเด็กทั้งคู่ พวกเขาจึงต้องย้ายมาอยู่บ้านหลังใหญ่ชานเมืองแล้วดูแลเด็กภายใต้การกำกับของจิตแพทย์ผู้นั้น
หนังเรื่องนี้ไม่ค่อยเหมือนหนังผีที่เกี่ยวกับเด็กทั่วไปนัก แอนนาเบลในเรื่องเป็นแฟนสาวของเจฟฟ์ที่ต้องมารับหน้าที่ดูแลเด็กไปพร้อมกับเขา ในเรื่องแอนนาเบลเป็นมือเบสของวงร๊อค แอนนาเบลไม่ใช่แม่บ้าน ไม่ได้เนี้ยบ ไม่ได้เคร่งครัดระเบียบ ไม่ได้อยากมีลูก (มีฉากแรกๆ ดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ได้ตั้งท้อง) ไม่ได้อยากเลี้ยงเด็ก แต่ต้องเลิกเล่นดนตรี สูญเสียเสรีภาพ เพื่อมาเลี้ยงดูเด็กร่วมกับเจฟฟ์
แม้ว่าทั้งสองฝ่าย แอนนาเบลกับเด็ก เหมือนอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งหมดก็อยู่ร่วมกันได้ด้วยดี ไม่มีขัดแย้งหรือทะเลาะเบาะแว้งกันแต่ประการใด แต่ก็ไม่ได้พยายามจะเอาชนะใจอีกฝ่ายหนึ่ง แค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้นเอง
เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆ เริ่มเปิดเผยตัวตนของ "มาม่า" ที่ทำหน้าที่เลี้ยงดูเด็กมาตลอด 5 ปี วิคตอเรียตอนนั้นอายุ 5 ขวบ ยังคงสภาพของมนุษย์ได้มากกว่าลิลลี่ที่เติบโตมาเหมือนสัตว์ป่า เธอวิ่งสี่ขา นอนใต้เตียง กินอาหารด้วยมือ พูดจาได้จำกัด กลัวคน และเธอก็ผูกพันกับมาม่ามากอีกด้วย
ขอบอกว่าเด็กที่เล่นเป็นลิลลี่เก่งมากๆ หน้าตาท่าทางเหมือนกับสัตว์ป่า เด็กทั้งคู่แสดงได้ดีมากจนต้องขอชมเชยผู้กำกับ
เนื้อเรื่องของ MAMA ถือว่าทำได้สนุกทีเดียว ทำได้หลอนใช้ได้ แถมยังเป็นหนังผีที่เศร้าและเหงามากในตอนจบ