The Martian เหยียบนรกสุญญากาศ

มาร์ค วัตนี่ย์มีอะไรมากมายหลายอย่างที่ฉันไม่มี ที่แน่ๆ ก็คือ ความพยายาม การวิเคราะห์และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ความอดทน  และที่ไม่เหมือนแบบเน้นๆ คือ การมองโลกในแง่ดี หลังจากต้องติดอยู่บนดาวอังคารคนเดียว โดยมีของยังชีพนิดหน่อย ไร้การติดต่อสื่อสารกับโลก

และทุกคนคิดว่าเขาตายไปแล้วอีกตะหาก

ขอบอกว่าหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยเนื้อหาเป็นวิทยาศาสตร์ที่อ่านแล้วฉันขอผ่านเลยไปหลายจุด โดยไม่พยายามทำความเข้าใจอะไรกับมันมากนัก ทั้งเรื่องเครื่องมือวิเคราะห์อากาศ เครื่องเปลี่ยนอากาศ เรื่องของออกซิเจน ไนโตรเจน ไฮโดรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ การแยกชิ้นส่วน การประกอบชิ้นส่วน อ่านแล้วนึกหน้าตาไม่ออก

ก็นะ ...มันเป็นนวนิยายวิทยาศาสตร์นิ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสนุกสนาน มีทั้งอารมณ์ขัน มีเรื่องลุ้นๆ ตลอด จนสงสัยนักว่าทำไมชีวิตช่างโหดร้ายกับเจ้าวัตนี่ย์นี่จัง แต่ก็นะ ...เขายังคงพยายามแก้ปัญหาจนเอาตัวรอดมาได้ แม้จะยังมีเผื่อใจไว้ว่าอาจไม่รอดจากดาวอังคารนี้มาได้

แตกต่างไปจากหนังสืออื่นที่อ่านในช่วงที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง


ด้วยความเป็นพวกไม่ค่อยพยายามดิ้นรน ฉันก็เลยไม่ค่อยเข้าใจนักกับคนประเภทนักสำรวจ ยิ่งโดยเฉพาะการสำรวจสถานที่ห่างไกลนอกโลกที่ต้องเดินทางกันเป็นปีๆ ต้องอยู่ในสถานที่จำกัด ต้องฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อการเดินทางไกล เฮ้อ...แค่คิดก็เบื่อแล้ว

กลับมาเข้าเรื่องหนังสือละกัน

ฉันไปได้หนังสือเล่มนี้มาจากงานมหกรรมหนังสือฯ ตุลา 58 ที่ผ่านมา หลังจากล็อคเป้าไว้จากร้านขายหนังสือและตั้งใจจะไปซื้อในงานฯ ครั้งแรกเห็นสะดุดตากับปกที่ดูสวยน่าหยิบมาอ่าน ที่อยากอ่านไม่ใช่เพราะเป็นหนังสือที่เอามาทำเป็นหนัง ดังนั้นช่วงก่อนงานหนังสือ พอเห็นปกที่เป็นรูปแมตต์ เดมอน ฉันแทบคลั่ง ...ฉันอยากได้ปกแบบเดิม ในงานฯ ยังจะมีขายมั้ยเนี่ย และดูเหมือนจะมีหลายคนคิดเหมือนฉัน ในเพจของสำนักพิมพ์มีหลายคนถามถึง คำตอบคือมี ฉันเลยรีบไปหาซื้อเล่มนี้มาตั้งแต่วันแรกของงานฯ เลยทีเดียว ฮ่า...กลัวหมด

ปกนี้เป็นปกแบบเดียวกับเล่มภาษาอังกฤษ

ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/The_Martian_(Weir_novel)

อ่านบทนำเห็นว่านวนิยายเรื่องนี้ตอนแรกสำนักพิมพ์หลายแห่งปฏิเสธ เขาจึงเปิดให้ดาวน์โหลดไปอ่านกันฟรีๆ ในรูปแบบของอีบุ๊คส์ มาถึงตอนนี้ก็โด่งดังเอามากๆ ทำให้คิดว่าสำนักพิมพ์มักดูแต่เรื่องของตลาด ซึ่งเป็นเพียงการคาดเดาของคนเพียงไม่กี่คน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดนะ เพราะการดำเนินงานบริษัทต้องนึกถึงเรื่องขาดทุน-กำไรเป็นหลัก

นับตั้งแต่ยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ค ผลงานของคนทั่วไปที่ส่งผ่านทางสื่อออนไลน์ ทำให้พวกเขาโด่งดังได้ด้วยเนื้องานของตัวเอง ทั้งงานดนตรี ศิลปะ หนังสือ งานฝีมืด และอีกหลายหลายอย่าง ถึงตอนนั้นบริษัทก็จะเข้ามาติดต่อเองเลย มันเป็นเหมือนการเปลี่ยนแปลงมุมมองของนักลงทุนไปเลยทีเดียว

ส่งท้ายด้วยภาพจาก wikipedia ในเรื่องของหนังสือ


เป็นภาพตำแหน่งของโครงการ แอรีส 3 ในท้องเรื่อง
ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/The_Martian_(Weir_novel)


ภาพของนักเขียน แอนดี้ เวียร์ ที่จอห์นสัน สเปซ เซนเตอร์
ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/The_Martian_(Weir_novel)



ส่วนนี่เป็นภาพจากหนัง รอดูตอนเป็น DVD จ้า










ความคิดเห็น