
ช่วงนี้เอารถไปซ่อม ชีวิตเลยต้องพึ่งจักรยาน ปกติถ้าไปไหนไม่ไกลนักก็มักเอาจักรยานออกน่ะแหละ แต่ถ้าไกลๆ ก็จะเอารถออก
เราไม่ใช่คนใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน เลยไม่ค่อยคุ้นเคยนักทั้งแรงกายและแรงใจ
แรงใจนี่เกี่ยวด้วยเหรอ ...เกี่ยวสิ โดยเฉพาะกับการร่วมถนนหนทางกับรถยนต์ที่ไร้ความเห็นอกเห็นใจ เขาเร่งรถเฉียดผ่านตัวเราไปนิดเดียว ...ไม่เหลือที่ไว้สำหรับความผิดพลาดเลยสักนิด... ใจหายใจคว่ำได้ตลอด
วันก่อนมีธุระต้องไปธนาคารในห้างแถวบ้าน ถ้าไปรถสาธารณะ (เดินไปขึ้นมอร์'ไซค์รับจ้างหน้าหมู่บ้าน -> รถเมล์ท้องถิ่น 2 ป้ายรถ -> ข้ามสะพานลอย -> รถเมล์ท้องถิ่น -> ข้ามถนน -> มอร์'ไซค์รับจ้าง) ก็คงเหนื่อยอยู่ ไหนจะตอนรอรถเมล์อีก เสียเวลา ตัดสินใจปั่นจักรยานไปเอง ลองคำนวนระยะทางน่าจะอยู่สัก 2-3 กิโลเมตร เดินเอายังไหว ไปจักรยานทำไมจะไม่ได้
เลยปั่นไปเรื่อยๆ สบายๆ โชคดีที่ขาไปรถบนถนนใหญ่ไม่เยอะเท่าไร บ่อยครั้งที่มีช่วงรถว่างนาน ค่อยๆ ปั่นไปเรื่อยๆ เก็บเหงื่อไว้ก่อน เดี๋ยวจะเหม็นซะ
ข้อเสียของการปั่นจักรยานไปไหนมาไหนในไทยก็คงจะอยู่ตรงนี่แหละ อากาศร้อนเหนอะหนะ กว่าจะปั่นถึงจุดหมายตัวก็เหม็นซะแล้ว ไหนจะไม่มีทางจักรยานอีก เสี่ยงชีวิตมาก
ขากลับผจญภัยมากหน่อย ต้องปั่นสวนทางรถผ่านช่วงที่เป็นโรงปูน ตรงนั้นมีฝุ่นเยอะมาก ปลิวเข้าหน้าเข้าตาตลอด (ขามาไม่เป็นไรเพราะปั่นตามกระแสลม) ต้องหรี่ตาแล้วรีบๆ ปั่นผ่านมา แล้วยังต้องกลั้นหายใจเป็นระยะๆ ไม่ให้ฝุ่นเข้าปอด
ในที่สุดก็กลับถึงบ้านได้ ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไร
และที่สำคัญ ...รอดชีวิตกลับมาได้แล้ว เย้
วันนี้ก็ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งของสนพ. freeform เรื่อง Seven Wonders for A Cool Planet
เขาเขียนถึงเรื่องจักรยานเอาไว้ด้วยล่ะ
ถ้าใครสนใจก็ลองหาซื้อมาอ่านได้ เป็นสารคดีที่สนุกดีเหมือนกัน