ล่าสุดได้ยืมหนังสือจากน้องคนหนึ่งมาอ่าน เป็นหนังสือชุด "กระซิบ" สามเล่มของสำนักพิมพ์ JBook ในเครือ Bliss ที่เพิ่งประกาศเลิกกิจการ เนื่องเพราะป่วยมาหลายวัน ช่วงเวลาหลายวันมานี่เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากอ่านหนังสือ จนในที่สุดก็อ่านครบหมดทั้ง 3 เล่มจนได้
กระซิบสีเลือด กระซิบแห่งเงามืด กระซิบจากสนธยา ไม่มีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน แต่มีความเหมือนกันตรงที่ทุกเรื่องมักมีเสียงกระซิบดังมาจากส่วนลึกในจิดใจถึงเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก
อายะซึจิ ยูกิโกะ ผู้เขียนได้นำเอาความทรงจำขวัญผวาในวัยเด็กมาเป็นแกนหลักของเรื่องราวแต่ละเล่ม โดยตัวละครหลักในเรื่องมักมีวัยเด็กที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายและจิตใจได้ซุกซ่อนเรื่องเหล่านี้ไว้ในก้นบึ้ง ที่มักกระโดดออกมาสะกิดเมื่อยามมีบางอย่างมาสะกิดใจ
ในเล่มกระซิบสีเลือดและกระซิบจากเงามืด ผู้เขียนได้ให้สร้างฉากที่ผู้ใหญ่บางคนต้องการกดดันให้เด็กอยู่ในกรอบ ตีเส้นให้เด็กเดิน สิ่งเหล่านั้นผิดวิสัยความสนุกสนานร่าเริงของเด็ก ดังนั้นเด็กหลายคนจึงเติบโตขึ้นมามีจิตใจที่บิดเบี้ยวไม่สมประกอบ และก่อให้เกิดปัญหาในวัยผู้ใหญ่ได้
(เมื่อก่อนฉันเองก็เคยชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นเอามากๆ แต่เมื่อได้รับรู้หลายด้านของเขาในเวลาต่อมา ความรู้สึกบางอย่างก็เปลี่ยนไป จริงอยู่ว่าวัฒนธรรมในเรื่องระเบียบวินัยหลายอย่างเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ได้ยินได้ฟังในช่วงสึนามิในปีก่อน กระนั้นบางทีบางเรื่องที่ดูจะตีกรอบมากเกินไปก็ดูจะทำให้ชีวิตนั้นขาดสีสันไปบ้างเหมือนกัน
การตีกรอบก็ควรตีแต่พอควรไม่มากจนแทบขยับไม่ได้ เหมือนกับที่หลายคนพยายามจะทำในไทยขณะนี้ แต่ไม่ขอยกตัวอย่างแล้วกันนะ)
ผู้เขียนเก่งในการค่อยๆ เปิดเผยเรื่องราวออกมาทีละน้อยจนในที่สุดก็ได้รับรู้ถึงเบื้องหลังอันบิดเบี้ยวของหลายคน รวมถึงการวาดคำพูดให้เห็นภาพของสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศได้เป็นอย่างดี
กระซิบสีเลือด กระซิบแห่งเงามืด กระซิบจากสนธยา ไม่มีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน แต่มีความเหมือนกันตรงที่ทุกเรื่องมักมีเสียงกระซิบดังมาจากส่วนลึกในจิดใจถึงเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก
อายะซึจิ ยูกิโกะ ผู้เขียนได้นำเอาความทรงจำขวัญผวาในวัยเด็กมาเป็นแกนหลักของเรื่องราวแต่ละเล่ม โดยตัวละครหลักในเรื่องมักมีวัยเด็กที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายและจิตใจได้ซุกซ่อนเรื่องเหล่านี้ไว้ในก้นบึ้ง ที่มักกระโดดออกมาสะกิดเมื่อยามมีบางอย่างมาสะกิดใจ
ในเล่มกระซิบสีเลือดและกระซิบจากเงามืด ผู้เขียนได้ให้สร้างฉากที่ผู้ใหญ่บางคนต้องการกดดันให้เด็กอยู่ในกรอบ ตีเส้นให้เด็กเดิน สิ่งเหล่านั้นผิดวิสัยความสนุกสนานร่าเริงของเด็ก ดังนั้นเด็กหลายคนจึงเติบโตขึ้นมามีจิตใจที่บิดเบี้ยวไม่สมประกอบ และก่อให้เกิดปัญหาในวัยผู้ใหญ่ได้
(เมื่อก่อนฉันเองก็เคยชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นเอามากๆ แต่เมื่อได้รับรู้หลายด้านของเขาในเวลาต่อมา ความรู้สึกบางอย่างก็เปลี่ยนไป จริงอยู่ว่าวัฒนธรรมในเรื่องระเบียบวินัยหลายอย่างเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ได้ยินได้ฟังในช่วงสึนามิในปีก่อน กระนั้นบางทีบางเรื่องที่ดูจะตีกรอบมากเกินไปก็ดูจะทำให้ชีวิตนั้นขาดสีสันไปบ้างเหมือนกัน
การตีกรอบก็ควรตีแต่พอควรไม่มากจนแทบขยับไม่ได้ เหมือนกับที่หลายคนพยายามจะทำในไทยขณะนี้ แต่ไม่ขอยกตัวอย่างแล้วกันนะ)
ผู้เขียนเก่งในการค่อยๆ เปิดเผยเรื่องราวออกมาทีละน้อยจนในที่สุดก็ได้รับรู้ถึงเบื้องหลังอันบิดเบี้ยวของหลายคน รวมถึงการวาดคำพูดให้เห็นภาพของสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศได้เป็นอย่างดี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น