เป็นซีรี่ส์มาราธอนที่ทรมานร่างกายเอาจริงๆ โดยเฉพาะในตอนกลางคืนที่ควรจะเป็นเวลานอน
ในซีซัน 5 เอิ่ม... เป็นเรื่องราวช่วงไหนนะ เอาจริงนะ ตอนนี้เนื้อเรื่องมันปนเปไปหมดในความทรงจำ แยกไม่ออกเลยว่าช่วงไหนเป็นของซีซันไหน ถ้าผิดก็ขออภัย
ซีซัน 5 เป็นตอนที่มีคนกลุ่มหนึ่งรอดออกไปจากเกาะ และอีกกลุ่มยังคงอยู่ที่เกาะ กลุ่มที่เกาะได้พบกับประสบการณ์เดินทางข้ามวันเวลาไปๆ มาๆ ทั้งอดีตและอนาคต และไปจบลงในช่วงกลางทศวรรษที่ 1970 ที่เหล่า Dhama Initiative ตั้งหมู่บ้านบนเกาะเพื่อศึกษาพลังลึกลับ
กลุ่มคนที่รอดไปได้ใช้ชีวิตต่อไปในโลกภายนอก 3 ปี เท่ากับคนที่ยังอยู่บนเกาะในอดีตที่ใช้ชีวิตที่นั่น 3 ปีเช่นกัน คนที่รอดไปได้พยายามที่จะหาทางกลับไปยังเกาะเพื่อช่วยเหลือคนที่ยังติดอยู่
ซีซัน 6 เป็นเหมือนตอนจบของทุกสิ่งและคำเฉลยของทุกอย่าง มันแสดงเหตุการณ์คู่ขนานกัน ระหว่างผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่บนเกาะ กำลังจัดการกับ "เกาะ" กับชีวิตที่น่าจะเป็นหากว่ามีการระเบิดเกาะทิ้งไปหลายปีก่อนที่เครื่องบินโอเชียนิค 815 จะบินผ่าน และทำให้ผู้โดยสารทั้งลำรอดชีวิต
+++++++++++++++++++++++++++++++
ซีซันสุดท้ายเป็นซีซันที่น้ำตาแตกได้เรื่อยๆ ด้วยความเป็นดราม่าในหลายช่วงหลายตอน จำไม่ได้ว่าดูรอบก่อนฉันได้ร้องไห้หรือเปล่า ครั้งนี้เป็นการดูอย่างต่อเนื่องจากซีซัน 1-6 ความต่อเนื่องของเนื้อหาทำให้เกิดอารมณ์ผูกพันกับตัวละครหลายคน ...แทบจะทุกคน แม้กระทั่งเบนจามิน ไลนัส ตัวร้ายของเรื่อง
จริงๆ ฉันเริ่มดูแบบหยุดไม่ได้ตั้งแต่ซีซัน 3 เนื่องจากตัวละครไม่ได้น่ารำคาญมากสักเท่าไรนัก
เมื่อพูดถึงตัวละครที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือเฮอร์ลี่ หรือฮิวโก้ ช่างเป็นตัวละครที่ทำให้เกิดความฮาได้ตลอดแม้กระทั่งตอนอยู่กับตัวร้าย เบนจามิน ไลนัส หรือจอมปากเสีย ไมล์ส
เฮอร์ลี่ชักชวนเบนกินขนม ความแตกต่างที่สร้างความฮา ภาพนี้จากซีซัน 4
เมื่อถึงซีซัน 6 เฮอร์ลี่ก็ได้คู่หูใหม่ที่เข้ากันได้ดีเชียวล่ะ นั่นคือไมล์
นอกเหนือจากนี้ก็เขียนอะไรมากไม่ได้ เพราะไม่งั้นก็จะสปอยล์มากมาย ดังนั้นจะขอไปเขียนถึงเหตุผลที่ฉันกลับมาดู Lost รอบ 2 นี้ในบล็อคต่อไปละกันนะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น