เมื่อวันที่ 28 ธันวา 65 ที่ผ่านมา ราว 1 ทุ่ม บุญสุขวิ่งออกนอกรั้วไปไล่ฟัดแมวจรที่ป๋า (แฟนฉันเอง) เอาอาหารไปเลี้ยง ป๋ากำลังแง้มประตูนิดนึง แล้วสุขก็วิ่งออกไปฟัดเขา พอป๋าไปตามมันก็วิ่งหนีไปบ้านที่เขาเลี้ยงหมาโกลเด้นตัวใหญ่ไว้ มันตกใจกลัวอยู่หลังบ้านนั้น เกาะอยู่บนอะไรสักอย่างที่เราก็จำไม่ได้ สูงกว่าที่หมาจะกระโดดขึ้นไปได้ หมาก็อยากเล่นแหละดูออก แต่บุญสุขกลัว ตบจมูกหมาไป 2-3 รอบ วันนั้นเจ้าของหมาไม่อยู่บ้าน เราไม่รู้ว่าเขาจะกลับกี่โมง ห่วงก็ห่วง เลยถือวิสาสะปลดกลอนเข้าไปเอาบุญสุข แต่...
ด้วยความโง่เง่าของฉันเองที่คิดตื้นๆ ว่าแค่หยิบบุญสุขข้ามบ้าน 2 หลังกลับมาได้อย่างปลอดภัย คิดแค่ว่าต้องรีบเอาบุญสุขเข้าบ้าน กลัวมันหนีไป ฉันรับหน้าที่รั้งหมาตัวยักษ์ไว้ ส่วนป๋ารับหน้าที่หิ้วบุญสุขกลับบ้าน (คิดว่า) อย่างปลอดภัย
กลายเป็นว่าฉันน่ะน้ำหนักตัว 41 กิโล โดนหมายักษ์ฉุดกระชากลากถูไปกับพื้น ใครเคยดูคลิปหมาลากคนแล้วขำ นั่นแหละฉันตอนนั้น แต่ขำไม่ออก กลัวมันเข้าหาบุญสุขได้แล้วสุขจะยิ่งเตลิด กลัวหมาจะหลุดออกไปด้วย หมาของใครๆ ก็รักอ่ะนะ ฉันยึดมันไว้สุดความสามารถ บางจังหวะมันไอเพราะปลอกคอมันรั้งไว้ จนฉันก็สงสาร
เห็นแวบๆ ว่าป๋าพยายามหิ้วๆ วางๆ สุขบนพื้นตลอดทาง ฉันแทบร้องไห้ เพราะยึดหมาไว้เกือบไม่ได้
พอเห็นป๋าออกนอกรั้วบ้าน(ของเพื่อนบ้าน)ได้ ฉันก็ปล่อยหมาปิดรั้วให้เขาอย่างแน่นหนา รีบกลับบ้านไปดูแมว แต่สิ่งที่เห็นคือแขนกับมือของป๋าอาบไปด้วยเลือด บุญสุขแมวขี้กลัวฟัดป๋าจนเจ็บสาหัส ป๋าบอกว่าจับมันยัดเข้าไปในรั้วบ้านแล้ว (โซนปลอดภัยที่สุขไม่เคยหนีออกไปได้ รั้วสูงราว 170 ซม.)
ป๋าร้องโอดโอยอย่างเจ็บหนัก ฉันก็ตกใจ มองหาคร่าวๆ ว่าสุขไม่อยู่แถวนั้น ก็รีบเอารถยนต์ออกพาป๋าไปหาหมออย่างเร่งด่วน
หลังจากทำแผลกลับบ้านอย่างยับเยิน ใช้เวลาราวครึ่งชม.ก็กลับถึงบ้าน พอกลับบ้านเราก็ออกตามหาบุญสุข แต่ไม่เจอ
ฉันไม่รู้ว่าบุญสุขติดใต้ท้องรถเราออกไปหรือว่ากระโดดรั้วหนีไปได้ (หุ่นบุญสุขก็เป็นน้องนุ้ย ไม่น่ากระโดดได้ แต่มันกลัวนะ) ฉันขับรถย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อตามหา แต่ถ้ามันติดรถไปจริงก็คงหลบที่ไหนสักแห่งในระยะทาง 1-2 กิโลเมตรจากบ้าน
หลังกลับจากขับรถหาบุญสุขตามถนน ฉันเจอเจ้าของบ้านหมายักษ์ ก็เลยเดินไปขอโทษเขาว่าตะกี้ถือวิสาสะเข้าบ้านเขา เขาก็ไม่ว่าอะไร ห่วงแมวเราซะอีก
หลังจากนั้นชีวิตฉันก็ไม่มีความสุขอีกเลย
สิ่งที่ทำคืนนัันคือ ทำประกาศเพื่อจะไปติดตามถนน โพสต์หาแมวตาม FB ของละแวกนี้ เดินเข้าๆ ออกๆ บ้านไปดูหาบุญสุข นอนไม่หลับ ส่วนป๋าไม่หลับทั้งคืนเพราะปวดแผล ป๋าแพ้ยาพาราเซตามอล เลยไม่มียาแก้ปวดกิน ต้องทนเอา นอนทนเจ็บทั้งคืน งานการต้องหยุดชะงักไปในทันใด
ร้านรับพริ้นต์ก็เหลือไม่กี่ร้าน หลายร้านก็ปิดปีใหม่ ร้านที่เปิดก็แพงมาก
กล้องวงจรปิดที่บ้าน ทุกตัวไม่พบบุญสุขว่าหนีออกไปทางไหน (ประเด็นติดรถออกไปก็เลยยังค้างคา)
สมองฉันมึนชา ร้องไห้ไม่ออก
ฝันร้ายที่สุดคือช่วงปีใหม่ มีการจุดพลุ จุดกันตั้งแต่ก่อนวันที่บุญสุขหาย (28 ธค) จุดกันตลอด ตอนคุยกับเจ้าของหมา ก็มีพลุขึ้นให้เห็น วันที่ 31 ฉันแทบอยากตายตรงนั้นไปเลย ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงพลุฉันแทบใจสลาย บุญสุขจะเป็นยังไงบ้าง ขนาดอยู่ในบ้าน ข้างๆ ที่นอนฉันยังวิ่งไปวิ่งมาอย่างตื่นกลัว แล้วนี่มันหลงอยู่นอกบ้านตามลำพัง
หลังจากวันแรกที่ร้องไห้ไม่ออก ทุกวันหลังจากนั้น ทุกครั้งที่คิดถึงฉันจะร้องไห้อย่างหนัก ด่าตัวเอง พยายามนึกย้อนวันนั้นที่ไปจับบุญสุขเข้าบ้าน ถ้าคิดซะหน่อย จะเอาตะกร้าไปรับมัน ฉากนั้นย้อนกลับไปกลับมาตลอดเวลาในหัว ขอแค่ตะกร้าใบเดียว ทุกอย่างก็ไม่จบลงแบบนี้
ทั้งเลือดและน้ำตา
จนถึงวันนี้ฉันทำทุกอย่างตามลำพังเพราะป๋าเจ็บสาหัสขนาดนั้น ทั้ง
> ติดประกาศตามถนน พร้อมรางวัลนำจับ 2 พันบาท
> เดินตามหาในหมู่บ้านข้างเคียง เอาใบปลิวไปสอดในตู้ปณ. เดินไปตามบ้านโน้นนี้ ช่วงปีใหม่ บ้านที่ไม่มีคนก็หลายบ้าน เดินจนเริ่มคุยกับหลายคน (โดยเฉพาะรปภ.ของหมู่บ้าน) ทั้งที่ปกติฉันเป็นพวกไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า (นิสัยแมว)
> จ่ายเงินค่าหมอดูเกือบ 6 ร้อยบาท เพื่อจะพบว่าความหวังที่แม่หมอให้มามันสิ้นหวังเมื่อออกไปค้นหาจริงๆ (ปกติดูหมอให้ตัวเองนั้นไม่เคยเลย เพราะไม่เชื่อ) ตอนคิดเองกับออกไปเดินมันให้ความรู้สึกโลกมันอ้างว้างกว้างใหญ่ ในขณะที่แมวตัวเล็กนิดเดียว ตัวฉันก็ยิ่งหดเล็กลง
> ออกไป 7-11 ตอน 3 ทุ่มเพื่อซื้อธูป 1 ห่อ มาไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เจ้ากรรมนายเวร ผีเร่ร่อน แล้วก็ไหว้มาทุกวัน ไหว้ทุกอย่างที่นึกออก ไหว้พระในบ้าน บนบานทุกอย่างที่คิดออก สวดมนต์ (ปกติเป็นพวกคนบาป) อะไรก็ได้ที่จะให้บุญสุขกลับบ้าน พร้อมจะเชื่อในทุกสิ่งทุกอย่างที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งที่ปกติก็เกือบเป็นคนไร้ศรัทธาในทุกสิ่ง
> หยุดกินเนื้อสัตว์ 1 เดือน ตั้งใจและทำเลย และหลังจากนั้นก็ตั้งใจทำอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่าง อะไรก็ได้ให้สุขกลับมา
> บอกแมวจรทุกตัวที่เจอให้ช่วยพาบุญสุขกลับบ้าน
> ดูบทความที่เป็นวิทยาศาสตร์ของเว็บต่างประเทศ
> ฯลฯ จำไม่ได้แล้วมันมากมาย
ป๋าดีขึ้นหลังจากไปทำแผลทุกวันอยู่ 5 วัน เขาก็เริ่มลุกมาเคาะจานชามเรียกสุขกลับบ้าน
ส่วนตัวฉันมีแผลถลอกที่เข่า 2 ข้าง ที่ข้อเท้า 1 ข้าง ศอกกับฝ่ามือนิดนึง ตรงแผลถลอกก็ช้ำเขียว อาบน้ำเสร็จล้างน้ำเกลือเสร็จก็ปวดแผลหนึบๆ อยู่ราว 10 นาทีก็หาย กลายเป็นว่าแผลฉันหายช้ากว่า เพราะไม่ได้ให้ที่คลินิกทำแผลให้ ฉันก็ทำแผลตามมีตามเกิด ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
วันหนึ่งป๋าบอกว่าน่าจะเปิดประตูรั้วไว้ให้สุขเข้าบ้านได้ ฉันก็เห็นดี หลังจากไหว้เจ้าที่เสร็จ (รอบที่เท่าไรไม่รู้) ฉันก็แง้มประตูรั้วไว้ แล้วก็เข้ามานั่งพัก ช่วงนี้เดินเป็นกิโลๆ ทั้งที่ปกตินั่งทำงานกับบ้าน ปวดขามาก
ราว 10 นาทีผ่านไป ป๋าถามหานังมิ้ว ฉันเด้งขึ้นจากเก้าอี้แล้ววิ่งออกไปดู ฉันลืมไปว่ายังไม่ได้ปิดประตูบ้านเก็บแมวไว้ในบ้านก่อน แล้วค่อยเปิดรั้ว กลายเป็นว่าคืนนั้นมิ้วหนีออกไปนอกบ้านได้สำเร็จ ฉันวิ่งแบบเสียสติไปบ้านโน้นบ้านนี้ที่เป็นบ้านร้างไม่มีใครอยู่
หายไปอีกตัวนึงแล้วเหรอเนี่ย ฉันแทบคลั่ง
สักพักฉันก็ขึ้นไปมองหาบนระเบียงชั้น 2 แล้วฉันก็เห็นนังเปรอะ แมวจร (น่าจะแมวหลง เพราะมีปลอกคอ ตัวนี้แหละที่นังสุขวิ่งไล่ฟัดจนตัวเองหายออกจากบ้านไป) กำลังเล็งอะไรสักอย่างในบ้านข้างๆ บ้านนี้เขาไปต่างจังหวัดกันช่วงปีใหม่
ฉันรีบวิ่งลงมา เรียกป๋า หยิบไฟฉาย ฉวยเก้าอี้กลม วิ่งไปที่หน้าบ้านเพื่อนบ้าน แล้วก็เริ่มปีนเข้าไป (อีกแล้วคับท่าน) ใช่มิ้วจริงๆ ด้วย มันนอนหมอบอยู่ โดยมีนังเปรอะเล็งจะเข้าโจมตี ฉันเดินเข้าไปจะห้ามทัพ ป๋าต้องคอยบอกให้ฉันเข้าไปช้าๆ ฉันก็พยายามอยู่ แต่มันร้อนใจ พอเปรอะเห็นฉันก็เริ่มระแวง จากนั้น 2 ตัวก็วิ่งทางใครทางมัน มิ้ววิ่งกลับเข้าบ้าน เปรอะวิ่งหายไปหลังบ้านของเพื่อนบ้าน ฉันก็ปีนกลับออกมา
อย่างน้อยคืนนั้นฉันก็ไม่เสียมิ้วไปอีกตัวนึง
จนบัดนี้ ก็ยังไร้วี่แววของบุญสุข ฉากในจินตนาการของฉันคือบุญสุขเดินกลับบ้านมา แล้วเราก็อยู่กันอย่างมีความสุขตลอดไป มันเป็นอีกฉากที่วนเวียนในหัว และหวังว่ามันจะเป็นจริง
พิกัดบุญสุขหาย หมู่บ้าน #วิสต้าวิลล์บี2 #ลำลูกกาคลอง3ปทุมธานี