
การตีความความฝันไม่ใช่แค่เอาตัวเลขไว้ซื้อหวยเท่านั้นหรอกนะ แล้วก็ไม่ใช่การตีความอิงอภินิหาริย์หรือสิ่งบอกอนาคตอะไรทั้งนั้น ความฝันที่จะพูดถึงในบล็อคนี้ก็คือการนำเอาความฝันมาแก้ปัญหาให้กับชีวิตจริงของคนเราต่างหาก
ซิกมัน ฟรอยด์ กล่าวไว้ว่าการตีความความฝันนั้นช่วยให้เราเข้าใจจิตใต้สำนึกของเราได้ ฝันเป็นเหมือนกับความปรารถนาของเราที่ถูกเก็บกดเอาไว้ หลายคนบอกว่าพบหนทางแก้ปัญหาจากความฝันเมื่อยามหลับ พอล แมคคาร์ทนี่ย์ ตำนานนักดนตรีของโลกเองก็ได้ยินทำนองเพลง Yesterday จากความฝันด้วยเช่นกัน
ความฝันมักเกาะเกี่ยวกับเหตุการณ์และอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริงอยู่บ้าง สิ่งที่เราประสบในยามตื่นมักจะไปอยู่ในความฝันอยู่เสมอ หากลองหันมาสนใจความฝัน ก็อาจช่วยให้เราได้เข้าใจถึงชีวิตในยามตื่นของตนเองได้ ในการนี้เราจำเป็นต้องจดบันทึกสิ่งที่ฝันไว้แล้วนำมาวิเคราะห์ แรกๆ อาจจำความฝันไม่ได้ทั้งหมด ก็ให้พยายามจดไว้เฉพาะที่จำได้ เก็บรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากฝึกฝนเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ก็จะยิ่งมีรายละเอียดมากขึ้นๆ ที่สำคัญก็คือต้องฝึกทำให้ได้ทุกเช้า
การเริ่มต้นบันทึกความฝันอาจทำโดยใช้สมุดบันทึกเฉพาะของความฝันหรือสมุดบันทึกปกติที่ใช้ก็ได้ เมื่อตื่นนอนก็อย่าเพิ่งทำเรื่องอื่น ให้ลงมือบันทึกทุกสิ่งที่จำได้จากฝันทันที หากไม่ทำเช่นนี้ความฝันมักเลือนหายไปโดยไม่รู้ตัว บางคนอาจเก็บสมุดบันทึกและปากกาไว้ข้างๆ ที่นอนเพื่อให้สะดวกในการหยิบมาบันทึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตื่นตอนกลางคืนจากฝัน
วิธีการบันทึกก็ตามแต่สะดวก ที่เน้นก็คือให้บันทึกทั้งเหตุการณ์ ความรู้สึกในฝัน ความคิดใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน และสรุปปิดท้ายว่าฝันนั้นมีความหมายอะไรกับเราบ้าง
คำตอบที่ได้ขึ้นอยู่กับการตีความของตัวเอง แรกๆ เราอาจพบว่าการตีความความฝันนั้นยาก เนื่องจากต้องคัดกรองสิ่งสำคัญออกมาเพื่อมาเปรียบเทียบกับปัญหาในชีวิตของตัวเอง จากนั้นทุกสัปดาห์ให้ลองนำเอาบันทึกฝันออกมาอ่านแล้วใช้เวลาสองสามนาทีในการประเมินว่าบันทึกฝันนั้นช่วยได้อย่างไรบ้าง
การวิเคราะห์ความฝันนี้ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด มันอยู่ที่การตระหนักถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในใจของคุณ เพื่อเรียนรู้ตัวเองผ่านจิตใต้สำนึก
บางทีเราอาจประหลาดใจที่พบว่าความฝันนั้นช่วยนำพาเราไปยังทางออกที่เราค้นหามานานก็เป็นได้