
มาครั้งนี้ข่าวน้ำท่วมมาจากหลายกระแส ทั้งจากข่าวทีวี ข่าวในเว็บ และข่าวลือ จนสมองชักแกว่งไกวไม่สมประกอบ (ใช้คำนี้ได้มั้ยเนี่ย) ประกอบกับพี่ๆ ที่โทรมาถามข่าวคราว พอรู้ว่าที่บ้านยังไม่มีวี่แววน้ำท่วม น้ำเสียงของทุกคนประหลาดใจ ("ทำไมมันไม่ท่วมฟระ" ...น้ำเสียงออกแนวนี้แหละ) สมองก็ยิ่งแกว่ง รีบเปิดทีวี เปิดเว็บ ที่เพิ่งปิดไปขึ้นมาเช็คข่าวอีกครั้ง (นั่นสิ ...ทำไมมันไม่ท่วมฟระ) แล้วก็จ่อมจมอยู่กับมันอีกนานเนิ่นนานกว่าจะแกะตัวเองออกมาได้
หลายอาทิตย์ก่อนเพิ่งได้อ่านหนังสือของ Jimmy Liao ที่สนพ.นานมี จัดพิมพ์ในภาษาไทยว่า "โปสการ์ด แทนความรู้สึก...ถึงเธอ" มีหน้าหนึ่งเข้ากับสถานการณ์ทีเดียว เป็นข้อความที่ "นักปรัชญาผู้ประสบอุทกภัย" ในเล่มเขียนถึงน้ำท่วมใหญ่ ที่พัดพาเขาออกนอกทะเลโดยที่ไม่มีข้าวของติดตัวไปด้วยเลย
ขออนุญาตทางสำนักพิมพ์นานมีตัดตอนมาแค่บางข้อความนะคะ
"...ฝนห่าใหญ่ซึ่งไม่เคยมีในรอบร้อยปีนี้ ก่อน้ำท่วมกลืนกินทุกสิ่งอย่างไม่ไยดี ทำให้ฉันเข้าใจว่าเราไม่ควรถือครองทรัพย์สิ่งใดเลย เพราะสิ่งต่างๆ สูญสิ้นไปได้
แบบนี้ก็ดี แบบนั้นก็ดี จริงๆ นะ
ได้มาก็ดี เสียไปก็ดี
ขอให้ทุกสิ่งล้วนดี"
เมื่อน้ำจากธรรมชาติของครั้งนี้จากไป คนเราก็จะเริ่มตั้งตัวกันได้ใหม่อีกครั้ง เพราะคนเราสู้มาตลอดและจะสู้ต่อไป ฉันเชื่ออย่างนั้น แล้วเรื่องราวเหล่านี้ก็จะกลายเป็นเพียงเรื่องเล่า
รวมถึงหลังจากนี้ฉันเองก็ตั้งใจว่าจะลดอาการ "บ้าหอบฟาง" ลงให้เหลือน้อยที่สุด เพราะของยิ่งเยอะ ก็ยิ่งห่วงเยอะ ขออ้างอิงตัวละครจากหนังเรื่อง Up In The Air ที่ไรอันละทิ้งสิ่งของทุกอย่างเหลือแค่กระเป๋าเดินทางใบเดียว ดูแล้วจะเป็นชีวิตเรียบง่ายดีจังเลย แม้จะทำไม่ได้ถึงขนาดนั้น แต่ก็จะทำให้ได้มากที่สุด (ตอนนี้ก็จัดการคัดแยกของที่จะขาย บริจาค หรือมอบให้คนอื่นไว้หลายกองแล้ว ^___^)
(อ้างอิงบล็อค http://mizshorty153.blogspot.com/2010/07/up-in-air.html)