เหตุผลหนึ่งที่ฉันชอบดูหนังฝรั่งมากกว่าหนังไทยก็ตรงที่เหตุผลในเรื่องราวและการแสดงที่ดูเหมือนจริงมากกว่าที่พบเจอในละครหรือหนังไทย
ฉากแรกในเรื่อง Bachelorette ก็โดนใจเอามากๆ เลย นั่นคือฉากของรีแกนซึ่งนำแสดงโดยเคิร์สเทน ดันส์ เมื่อได้รับฟังข่าวว่าเบคกี้เพื่อนสนิทร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยกำลังจะแต่งงานกับหนุ่มหล่อและรวย สีหน้าของเธอนั้นมันสื่อออกมาเลยว่า "รับไม่ได้" แต่ก็ยังต้องฝืนหัวเราะและยินดีไปกับเพื่อน
เรื่องราวต่อจากนั้นก็ยืนยันสนับสนุนสิ่งที่ได้เห็นจากสีหน้าแวบนั้นได้อย่างชัดเจน
ในแก๊งค์เพื่อนสนิทสมัยเรียนไฮสคูล 4 คน ประกอบด้วยสาวสวย 3 และสาวร่างตุ้ยนุ้ย 1 ดูเหมือนว่าสาวสวยทั้งสามที่ต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวต่างมีชีวิตที่ซ่อนทุกข์ไว้ภายใต้ใบหน้าที่ร่าเริงยินดี
คืนก่อนวันแต่งงานที่ถือว่าเป็นงานเลี้ยงสละโสด ถือเป็นฉากการเปิดเผยตัวตนที่ซ่อนเร้นไว้ของสาวแต่ละคน ทุกคนเชื่อว่าตัวเองนั้นสวยและดีกว่าเบคกี้-ว่าที่เจ้าสาว และน่าที่จะมีชีวิตที่ดีกว่า ในคืนนี้พวกเธอก็เลยทำตัวเหมือนเด็กขี้อิจฉาที่แอบล้อเลียนความสำเร็จของเบคกี้จนเกิดเรื่องราวผิดพลาดใหญ่โต
แต่ไม่ว่าจะมีความอิจฉาและขมขื่นกันขนาดไหน ทุกคนก็ยังทุ่มเทแรงใจแก้ไขทุกอย่างจนงานแต่งงานผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มันก็เหมือนกับชีวิตจริงของคนเรา ไม่มีใครที่ดีล้ำเลิศเลอจนไร้ที่ติ (เหมือนนางเอกในละครไทยที่ดีจนหาที่ติไม่ได้) ทุกคนมีตำหนิที่อาจไม่ถึงกับเรียกว่า "เลว" ก็แค่อารมณ์ปกติของมนุษย์ที่มีทั้งรักโลภโกรธหลง เป็นธรรมดา
บางทีถ้าเรามองโลกแบบสีเทาๆ ก็อาจทำให้เรามีความสุขได้นะ
ฉากแรกในเรื่อง Bachelorette ก็โดนใจเอามากๆ เลย นั่นคือฉากของรีแกนซึ่งนำแสดงโดยเคิร์สเทน ดันส์ เมื่อได้รับฟังข่าวว่าเบคกี้เพื่อนสนิทร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยกำลังจะแต่งงานกับหนุ่มหล่อและรวย สีหน้าของเธอนั้นมันสื่อออกมาเลยว่า "รับไม่ได้" แต่ก็ยังต้องฝืนหัวเราะและยินดีไปกับเพื่อน
เรื่องราวต่อจากนั้นก็ยืนยันสนับสนุนสิ่งที่ได้เห็นจากสีหน้าแวบนั้นได้อย่างชัดเจน
ในแก๊งค์เพื่อนสนิทสมัยเรียนไฮสคูล 4 คน ประกอบด้วยสาวสวย 3 และสาวร่างตุ้ยนุ้ย 1 ดูเหมือนว่าสาวสวยทั้งสามที่ต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวต่างมีชีวิตที่ซ่อนทุกข์ไว้ภายใต้ใบหน้าที่ร่าเริงยินดี
คืนก่อนวันแต่งงานที่ถือว่าเป็นงานเลี้ยงสละโสด ถือเป็นฉากการเปิดเผยตัวตนที่ซ่อนเร้นไว้ของสาวแต่ละคน ทุกคนเชื่อว่าตัวเองนั้นสวยและดีกว่าเบคกี้-ว่าที่เจ้าสาว และน่าที่จะมีชีวิตที่ดีกว่า ในคืนนี้พวกเธอก็เลยทำตัวเหมือนเด็กขี้อิจฉาที่แอบล้อเลียนความสำเร็จของเบคกี้จนเกิดเรื่องราวผิดพลาดใหญ่โต
แต่ไม่ว่าจะมีความอิจฉาและขมขื่นกันขนาดไหน ทุกคนก็ยังทุ่มเทแรงใจแก้ไขทุกอย่างจนงานแต่งงานผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มันก็เหมือนกับชีวิตจริงของคนเรา ไม่มีใครที่ดีล้ำเลิศเลอจนไร้ที่ติ (เหมือนนางเอกในละครไทยที่ดีจนหาที่ติไม่ได้) ทุกคนมีตำหนิที่อาจไม่ถึงกับเรียกว่า "เลว" ก็แค่อารมณ์ปกติของมนุษย์ที่มีทั้งรักโลภโกรธหลง เป็นธรรมดา
บางทีถ้าเรามองโลกแบบสีเทาๆ ก็อาจทำให้เรามีความสุขได้นะ