หนังรอบเช้า : 7500
ติดใจเรื่อง 7500 ก็จากหนังตัวอย่างที่มีเพลงประกอบ leaving on a jet plane เวอร์ชั่นของ michelle featherstone ที่ฟังดูหลอนๆ เข้ากับตัวหนังอย่างมาก จนสงสัยเหมือนกันนะว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ร้องเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยหรือเปล่า
ในที่สุดวันนี้ก็ได้ดู 7500 ถือเป็นการพักจากการดูเกมโชว์ฮาฮา Running Man ที่ดูต่อเนื่องกันมานานนับเดือน (ไม่ได้พักจากงานนะขอบอก วันนี้เป็นวันแห่งการดูดีวีดี)
นับว่าเป็นหนังที่ไม่ผิดหวัง ทั้งที่ก่อนใส่แผ่นในเครื่องเล่นก็เก็งไว้ว่าน่าจะไม่สนุก เพราะนับแต่หนังเกี่ยวกับการผจญภัยและสร้างความเครียดในสถานที่จำกัดทั้งหลายแหล่ ได้สร้างความผิดหวังให้กับฉันอย่างมากมาย (เช่นเรื่อง Altitude, Frozen ที่ดูแล้วอึดอัดรำคาญใจอย่างมาก แต่เห็นหลายคนรีวิวไว้ว่าสนุกขั้นเทพ สงสัยฉันจะไม่ใช่เทพเลยดูไม่หนุก 5555) ตั้งท่าเตรียมรีโหมดไว้กดผ่านไว้ตลอดเวลา
7500 นำเราไปพบกับเรื่องราวลึกลับสั่นประสาทนับตั้งแต่ผู้โดยสารคนหนึ่งเสียชีวิตบนเครื่องบิน เป็นการเสียชีวิตที่ท่าทางสยดสยองเอามากๆ ทีเดียว หลังจากนั้นผู้โดยสารบนเครื่องบินก็พบกับเรื่องลึกลับจนต้องรวมตัวกันมาค้นหาความจริงของคนตาย เรื่องราวดำเนินไปอย่างตึงเครียดจนจบที่เฉลยออกมาอย่างที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว
(บรรทัดตรงนี้คือสปอยล์นะคะ ขอเตือน)
นับตั้งแต่เรื่อง The Other ก็ไม่เคยมีเรื่องไหนที่หลอกฉันได้อีกแล้ว ส่วนใหญ่ดูไปก็จะเก็งได้ตลอดว่าน่าจะเป็นไปอย่างไร และเป็นจุดหักมุมที่ไม่คิดมาก่อนเพราะช่างดำเนินเรื่องได้เนียนมากๆ (เอ๊ะ หรือว่าไม่ได้ดูหนังมาหลายเดือน เลยสมองช้าเดาไม่ออกกันแน่นะ)
ทุกอย่างจบลงเมื่อทุกวิญญาณปล่อยวางเรื่องราวของตนเอง ทำให้พวกเขาได้หลุดพ้นจากเครื่องบินมรณะลำนี้ไปยังโลกใหม่ของพวกเขา
ที่ชอบอีกอย่างก็ตรงประโยคหนึ่งของผู้โดยสารบนเครื่องที่บอกทำนองว่า "ความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราอาจตายได้ทุกเวลา ดังนั้นจงเตรียมพร้อมไว้เสมอ" (ฉันเองก็จำประโยคตรงๆ ไม่ได้ ความหมายประมาณนี้) เมื่อเราตายทุกสิ่งที่พวกเขายึดถือและครอบครองก็สูญสลายหายไป ชีวิตสูญสิ้น ร่างกายสูญสลาย เหลือเพียงความทรงจำ ณ จุดหนึ่งที่พวกเขาเคยมีชีวิตอยู่ และแม้แต่ความทรงจำเองก็ไม่ยืนยง
ติดใจเรื่อง 7500 ก็จากหนังตัวอย่างที่มีเพลงประกอบ leaving on a jet plane เวอร์ชั่นของ michelle featherstone ที่ฟังดูหลอนๆ เข้ากับตัวหนังอย่างมาก จนสงสัยเหมือนกันนะว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ร้องเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยหรือเปล่า
ในที่สุดวันนี้ก็ได้ดู 7500 ถือเป็นการพักจากการดูเกมโชว์ฮาฮา Running Man ที่ดูต่อเนื่องกันมานานนับเดือน (ไม่ได้พักจากงานนะขอบอก วันนี้เป็นวันแห่งการดูดีวีดี)
นับว่าเป็นหนังที่ไม่ผิดหวัง ทั้งที่ก่อนใส่แผ่นในเครื่องเล่นก็เก็งไว้ว่าน่าจะไม่สนุก เพราะนับแต่หนังเกี่ยวกับการผจญภัยและสร้างความเครียดในสถานที่จำกัดทั้งหลายแหล่ ได้สร้างความผิดหวังให้กับฉันอย่างมากมาย (เช่นเรื่อง Altitude, Frozen ที่ดูแล้วอึดอัดรำคาญใจอย่างมาก แต่เห็นหลายคนรีวิวไว้ว่าสนุกขั้นเทพ สงสัยฉันจะไม่ใช่เทพเลยดูไม่หนุก 5555) ตั้งท่าเตรียมรีโหมดไว้กดผ่านไว้ตลอดเวลา
7500 นำเราไปพบกับเรื่องราวลึกลับสั่นประสาทนับตั้งแต่ผู้โดยสารคนหนึ่งเสียชีวิตบนเครื่องบิน เป็นการเสียชีวิตที่ท่าทางสยดสยองเอามากๆ ทีเดียว หลังจากนั้นผู้โดยสารบนเครื่องบินก็พบกับเรื่องลึกลับจนต้องรวมตัวกันมาค้นหาความจริงของคนตาย เรื่องราวดำเนินไปอย่างตึงเครียดจนจบที่เฉลยออกมาอย่างที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว
(บรรทัดตรงนี้คือสปอยล์นะคะ ขอเตือน)
นับตั้งแต่เรื่อง The Other ก็ไม่เคยมีเรื่องไหนที่หลอกฉันได้อีกแล้ว ส่วนใหญ่ดูไปก็จะเก็งได้ตลอดว่าน่าจะเป็นไปอย่างไร และเป็นจุดหักมุมที่ไม่คิดมาก่อนเพราะช่างดำเนินเรื่องได้เนียนมากๆ (เอ๊ะ หรือว่าไม่ได้ดูหนังมาหลายเดือน เลยสมองช้าเดาไม่ออกกันแน่นะ)
ทุกอย่างจบลงเมื่อทุกวิญญาณปล่อยวางเรื่องราวของตนเอง ทำให้พวกเขาได้หลุดพ้นจากเครื่องบินมรณะลำนี้ไปยังโลกใหม่ของพวกเขา
ที่ชอบอีกอย่างก็ตรงประโยคหนึ่งของผู้โดยสารบนเครื่องที่บอกทำนองว่า "ความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราอาจตายได้ทุกเวลา ดังนั้นจงเตรียมพร้อมไว้เสมอ" (ฉันเองก็จำประโยคตรงๆ ไม่ได้ ความหมายประมาณนี้) เมื่อเราตายทุกสิ่งที่พวกเขายึดถือและครอบครองก็สูญสลายหายไป ชีวิตสูญสิ้น ร่างกายสูญสลาย เหลือเพียงความทรงจำ ณ จุดหนึ่งที่พวกเขาเคยมีชีวิตอยู่ และแม้แต่ความทรงจำเองก็ไม่ยืนยง
สำหรับฉัน ความตายคือจุดสิ้นสุด
ทั้งความรัก ความเกลียดชัง ความทุกข์ ความสุข สิ่งที่ยึดถือ อคติ มายา ต่างๆ นี้ล้วนสิ้นสุดลงในวินาทีที่หัวใจเราหยุดเต้น
เช่นเดียวกับทุกครั้งเมื่อได้มาเขียนบล็อคเกี่ยวกับหนังหรือหนังสือ ฉันมักได้พบกับข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจเกี่ยวข้องกับตัวหนัง กรณีที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อราว 10 ปีก่อน ถ้าสนใจเข้าไปดูได้ตามลิงค์นี้นะคะ แต่ขอบอกว่ามันจะสปอยล์เนื้อหาของหนังเลยทีเดียว http://www.dek-d.com/studyabroa
คั่นเวลาช่วงบ่ายด้วย Running Man ได้ฮากันอย่างมากกับเกมเพี้ยนๆ หายเครียดไปได้เยอะเลย ปกติไม่ค่อยได้ติดอะไรอย่างนี้มานานแล้ว ยิ่งกับเกมโชว์ฮาๆ นี่แทบไม่เคยเจอ เป็นพวกเส้นลึก ไม่ได้ชอบเพราะมันเป็นเกาหลี เกาหลีอย่างอื่นไม่เคยชอบ ออกจะเกลียดเสียด้วยซ้ำ ดันมาถูกใจ Running Man เอาซะนี่ ส่วน Family Outing ก็ดูได้ ชอบแต่ไม่ติด ที่สำคัญทั้ง 2 รายการมันทำให้ฉันอยากลองชิมอาหารเกาหลีดูสักหน่อยแล้วล่ะ ...
หนังรอบดึก : Godzilla
เรื่องนี้ได้ดูกับสามีหลังอาหารเย็น เรื่องนี้ก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้เช่นกัน แต่พอได้ดูจริงก็ลุ้นตัวโก่งเชียร์ไอ้อ้วนโกจีร่าให้ชนะไอ้โย่ง 2 ตัวนั้นให้ได้
Godzilla ของฮอลลีวู๊ดเวอร์ชั่นนี้จะต่างจากของเวอร์ชั่นก่อนหน้าที่ทำเอาก๊อดซิล่ากลายเป็นไดโนเสาร์ในจูราสิกพาร์กันไปเลยทีเดียว
จริงๆ เนื้อหาของหนังก็เป็นแนวฮอลีวู๊ดทั่วไปนั่นแหละ พ่อลูกขัดแย้งกันแล้วมาเห็นใจกันในตอนตายจาก พระเอกต้องกลับมาช่วยครอบครัว (แม้จะมาถึงเอาตอนจบก็เถอะ) พระเอกอึด+โชคดี เอาตัวรอดมาได้จากทุกที่ที่มีสัตว์ประหลาดปรากฎ หรือน่าจะบอกว่าพระเอกของเราเป็นตัวล่อสัตว์ประหลาด ดูมันจะตามเขาไปซะทุกที่เลย (555)
แม้ว่ารายละเอียดของหนังจะออกน่าเบื่อไปนิด แต่ก็ชอบมากๆ ตอนพระเอกตัวจริง โกจิร่า ได้ออกมาปกป้องโลกนี้ ด้วยการต่อสู้กับเจ้ามูโตผัวเมียอย่างอาจหาญ เนื่องจากฉันเอา ไอ้อ้วนบุญเต็ม ที่บ้านไปเปรียบเทียบกับ ไอ้อ้วนโกจิร่า ดังนั้นตอนเชียร์ก็เลยเหมือนเชียร์มวยนิดๆ เชียร์ไอ้อ้วนของเรานั่นเอง
"ไอ้อ้วนสู้เขา" "ไอ้อ้วนลุกเร็ว" "ไอ้อ้วนพ่นไฟได้ (ฮา)" แม้กระทั่งก่อนจบ ที่ไอ้อ้วนนอนนิ่งยังอาลัยอาวรณ์คร่ำครวญ "ไอ้อ้วนตายแล้วเหรอ...ม่ายยยยยย"
พอเห็นมันหายใจฟืดเท่านั้นแหละ มีเฮ (ดูภาพประกอบ พอฟัดพอเหวี่ยงได้มั้ยเนี่ย :-)
แหม่ คนละอารมณ์กับหนังรอบเช้าเลยนะเนี่ย
ทั้งความรัก ความเกลียดชัง ความทุกข์ ความสุข สิ่งที่ยึดถือ อคติ มายา ต่างๆ นี้ล้วนสิ้นสุดลงในวินาทีที่หัวใจเราหยุดเต้น
เช่นเดียวกับทุกครั้งเมื่อได้มาเขียนบล็อคเกี่ยวกับหนังหรือหนังสือ ฉันมักได้พบกับข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจเกี่ยวข้องกับตัวหนัง กรณีที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อราว 10 ปีก่อน ถ้าสนใจเข้าไปดูได้ตามลิงค์นี้นะคะ แต่ขอบอกว่ามันจะสปอยล์เนื้อหาของหนังเลยทีเดียว http://www.dek-d.com/studyabroa
******************************************
คั่นเวลาช่วงบ่ายด้วย Running Man ได้ฮากันอย่างมากกับเกมเพี้ยนๆ หายเครียดไปได้เยอะเลย ปกติไม่ค่อยได้ติดอะไรอย่างนี้มานานแล้ว ยิ่งกับเกมโชว์ฮาๆ นี่แทบไม่เคยเจอ เป็นพวกเส้นลึก ไม่ได้ชอบเพราะมันเป็นเกาหลี เกาหลีอย่างอื่นไม่เคยชอบ ออกจะเกลียดเสียด้วยซ้ำ ดันมาถูกใจ Running Man เอาซะนี่ ส่วน Family Outing ก็ดูได้ ชอบแต่ไม่ติด ที่สำคัญทั้ง 2 รายการมันทำให้ฉันอยากลองชิมอาหารเกาหลีดูสักหน่อยแล้วล่ะ ...
******************************************
หนังรอบดึก : Godzilla
เรื่องนี้ได้ดูกับสามีหลังอาหารเย็น เรื่องนี้ก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้เช่นกัน แต่พอได้ดูจริงก็ลุ้นตัวโก่งเชียร์ไอ้อ้วนโกจีร่าให้ชนะไอ้โย่ง 2 ตัวนั้นให้ได้
Godzilla ของฮอลลีวู๊ดเวอร์ชั่นนี้จะต่างจากของเวอร์ชั่นก่อนหน้าที่ทำเอาก๊อดซิล่ากลายเป็นไดโนเสาร์ในจูราสิกพาร์กันไปเลยทีเดียว
จริงๆ เนื้อหาของหนังก็เป็นแนวฮอลีวู๊ดทั่วไปนั่นแหละ พ่อลูกขัดแย้งกันแล้วมาเห็นใจกันในตอนตายจาก พระเอกต้องกลับมาช่วยครอบครัว (แม้จะมาถึงเอาตอนจบก็เถอะ) พระเอกอึด+โชคดี เอาตัวรอดมาได้จากทุกที่ที่มีสัตว์ประหลาดปรากฎ หรือน่าจะบอกว่าพระเอกของเราเป็นตัวล่อสัตว์ประหลาด ดูมันจะตามเขาไปซะทุกที่เลย (555)
แม้ว่ารายละเอียดของหนังจะออกน่าเบื่อไปนิด แต่ก็ชอบมากๆ ตอนพระเอกตัวจริง โกจิร่า ได้ออกมาปกป้องโลกนี้ ด้วยการต่อสู้กับเจ้ามูโตผัวเมียอย่างอาจหาญ เนื่องจากฉันเอา ไอ้อ้วนบุญเต็ม ที่บ้านไปเปรียบเทียบกับ ไอ้อ้วนโกจิร่า ดังนั้นตอนเชียร์ก็เลยเหมือนเชียร์มวยนิดๆ เชียร์ไอ้อ้วนของเรานั่นเอง
"ไอ้อ้วนสู้เขา" "ไอ้อ้วนลุกเร็ว" "ไอ้อ้วนพ่นไฟได้ (ฮา)" แม้กระทั่งก่อนจบ ที่ไอ้อ้วนนอนนิ่งยังอาลัยอาวรณ์คร่ำครวญ "ไอ้อ้วนตายแล้วเหรอ...ม่ายยยยยย"
พอเห็นมันหายใจฟืดเท่านั้นแหละ มีเฮ (ดูภาพประกอบ พอฟัดพอเหวี่ยงได้มั้ยเนี่ย :-)
แหม่ คนละอารมณ์กับหนังรอบเช้าเลยนะเนี่ย