สึโตมุ มาเสะงากิ เป็นคนขับรถแท็กซี่มา 3 ปี อายุก็วัยกลางคน รับแต่ลูกค้าเจ้าปัญหา เขาเองก็เป็นคนไม่สู้คน หงอตลอดเวลา แม้แต่กับลูกสาวของตัวเอง ยอดค่าโดยสารของเขาต่ำสุดในบริษัท เพราะเขามัวแต่หลบเลี่ยงไม่ยอมรับคน ไม่ยอมคุยกับผู้โดยสาร ไม่รู้จักเส้นทาง ต้องพึ่ง GPS ตลอดเวลา
วันดีคืนดีเขาก็รับแมวจรจัดสามสีชื่อ มิโกะงามิซัง มาบนรถโดยไม่ได้ตั้งใจ นับแต่นั้นมา การงานของเขาเริ่มดีขึ้น เริ่มผ่อนคลายกับผู้โดยสารด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าเหมียว ยอดค่าโดยสารของเขาสูงขึ้นเป็นอันดับ 2 ของบริษัท
ที่สำคัญคือ เขาเริ่มได้รู้จักเบื้องหลังเบื้องลึกของคนหลายคน เขาปรับตัวเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี ทั้งเพื่อนคนขับแท็กซี่ด้วยกันเอง เจ้านาย ผู้โดยสาร และสานสัมพันธ์กับคนในครอบครัว
เจ้าเหมียวมิโกะงามิซัง เป็นแมวอ้วนอายุมาก มันช่วยมาเสะงากิต้อนรับลูกค้า เหมือนมันมีความสามารถในการหยั่งรู้ว่าใครต้องการอะไร จนทำให้ผู้คนชื่นชอบและรักงานบริการ (จริงๆ นะ ^_^)
ผู้โดยสารหลายรายเริ่มผูกพันกับเจ้าสามสีตัวนี้มากขึ้น ถึงขั้นมีขนมมีของเล่นติดไม้ติดมือมาฝาก พอรู้ว่ามันป่วยก็มีดอกไม้ฝากไปเยี่ยมไข้
ผู้โดยสารหลายรายเริ่มผูกพันกับเจ้าสามสีตัวนี้มากขึ้น ถึงขั้นมีขนมมีของเล่นติดไม้ติดมือมาฝาก พอรู้ว่ามันป่วยก็มีดอกไม้ฝากไปเยี่ยมไข้
ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยความเพลิดเพลินอย่างยิ่ง ถึงขั้นพกพาออกไปเข้าคอร์สอบรม และอ่านระหว่างรออาจารย์มาสอน อ่านด้วยความจดจ่อ ขอบอกว่าสนุกสนานเต็มขั้น
เมื่อมาถึงท้ายๆ เล่ม ลางร้ายเริ่มออก เจ้าเหมียวอ้วนเริ่มป่วย ทำให้ฉันเริ่มจุกอก ปิดหนังสือทันที รอเวลากลับมาอ่านช่วงสุดท้ายที่บ้าน แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง
อ่านหนังสือเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทีไรฉันเป็นต้องทำตาตกทุกครั้ง ไม่รู้เป็นไร นักเขียนชอบเขียนให้เนื้อเรื่องเศร้าเสียมากมาย
--------------
เนื้อหาที่นำเสนอนอกเหนือจากเจ้าเหมียวอ้วนนักต้อนรับแขกแล้ว ผู้เขียนยังนำเสนอเบื้องหลังของผู้คน เรามักจะตัดสินคนจากลักษณะภายนอกที่เรามองเห็น คนโน้นเห็นแก่ตัว คนนี้เข้มงวด ฯลฯ
ตัวเราเองก็มีทั้งด้านดีและไม่ดี เรามักจะมองเห็นแต่ด้านดีของตัวเอง และมองด้านเสียของคนอื่น ลักษณะนี้คงเป็นธรรมชาติของมนุษย์นั่นเอง
ฉันก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มนุษย์นิสัยเสียอีกต่างหาก ฉันเองก็ต้องฝึกตัวเองให้มองคนจากสองด้านเหมือนกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น