House M.D. มนุษย์เรามีทั้งด้านมืดและสว่าง
เนิ่นนานมากที่ฉันเขียนบล็อกครั้งก่อน ด้วยหลายเรื่องที่ทำให้ไม่ได้เขียน ทั้งสภาพร่างกาย ทั้งป่วยกระเสาะกระแสะ แต่เน้นๆ เลยก็คือ "ขี้เกียจ"
หลายเดือนที่จมจ่อมกับการดูซีรี่ส์แบบ non-stop แม้จะตัดใจบอกเลิกสมาชิก NetFlix ฉันก็ยังเหลือแผนสำรองไว้นั่นคือ iFlix และ VIU (ซึ่งดูเฉพาะ running man อย่างเดียว) ฉันเป็นพวกดูซีรี่ส์แบบนิสัยเสีย คือไม่จบไม่เลิก
เรื่องที่ไม่จบไม่เลิกล่าสุดก็คือ House M.D.
ฉันเคยดูเรื่องนี้หลายปีก่อน น่าจะเป็นช่วงที่เพิ่งออกมาใหม่ๆ (ออกเป็น DVD) เพราะซื้อมาดูครั้งละ 1 ซีซัน ช่วงหัดดูซีรี่ส์กับดีวีดีผี ดูได้แค่ 3 ซีซันเองล่ะมั้ง ดูจนรู้สึกเกลียดหมอคนนี้มากๆ เพราะชักจะเริ่มไร้หัวใจมากขึ้นในทุกตอนที่ดู
และไม่คิดจะกลับมาดูอีกเลย จนกระทั่ง...
...อยากดูซีรี่ส์หรือหนัง แต่ไม่รู้จะดูอะไร ลองเปิดดูต่อจากที่เคยดู
เริ่มกลับไปดูในซีซัน 4 แต่ต่อไม่ติด เลยต้องย้อนกลับไปที่ซีซัน 3 แล้วก็ดูต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนจบซีซัน 8 โอ้ววววว ตาปูดอีกแล้วคับท่าน
House M.D. เป็นซีรีส์ที่มีทั้งหมด 177 ตอน เริ่มฉายตั้งแต่ปี 2004 ถึง 2012 (หรือพ.ศ.2547-2555)
เป็นเรื่องราวของหมอเฮาส์ที่เป็นอัจฉริยะในด้านการวินิจฉัยโรค ด้วยวิธีสุดโต่ง เป็นคนปากร้าย ชอบเสียดสี จิกกัดชาวบ้าน ขี้สงสัย โดยเฉพาะกับลูกน้องที่โดนแกขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวออกมาประจานกันครบทุกราย เป็นคนขี้หงุดหงิด ติดยาแก้ปวดไวโคดิน หลงตัวเอง เห็นแก่ตัว ชอบเอาชนะ จอมปั่นหัวคน
ขอตัดไปที่ชื่อภาษาไทยบน iFlix ที่เห็นในซีซันสุดท้าย ชื่อว่า "หมอเฮาส์ นักบุญปากร้าย" นักบุญเนี่ยนะ ให้ฉันตั้งเองก็จะเป็น "หมอปากหมา" หรือจะ "หมอปากหมาขาเป๋" เอาให้ครบคือ" หมออัจฉริยะปากหมาขาเป๋" น่าจะดีกว่า (ปกติไม่เคยเอาปมด้อยใครมาล้อเลียนนะ แต่สำหรับเฮาส์นี่ขอยกเว้น)
ตัดกลับมาที่เรื่องราวของซีรี่ส์
เฮาส์เป็นคนประเภทชอบไขปริศนา การวินิจฉัยอาการป่วยของคนไข้ถือเป็นที่สุดของความหลงไหล ยิ่งป่วยหาสาเหตุไม่ได้มากเท่าไรยิ่งชอบ ชอบคิดแต่ไม่ชอบลงมือทำ หน้าที่เข้าแล็ปตรวจสอบหาสาเหตุป่วยไข้จึงตกเป็นของลูกทีม
เวลาที่เหลือของแกก็หมดไปกับการป่วนประสาทคนอื่น เช่น ผู้บริหารโรงพยาบาล ลิซ่า คัดดี้ และหมอรักษามะเร็งที่ชื่อเจมส์ วิลสัน
วิลสันนี่ถือเป็นอีกขั้วหนึ่งของเฮาส์ แกจะเป็นหมอที่ดี๊ดี ดีมาก ประเสริฐเลิศล้ำถึงขั้นยอมบริจาคตับบางส่วนให้คนไข้เลยทีเดียว แล้วจะเหลือรอดเหร๊อเมื่อต้องกลายเป็นเพื่อนกับเฮาส์ วิลสันทั้งโดนแกล้ง โดนเอาเปรียบไปซะทุกเรื่อง จนจะเลิกคบกันก็หลายครั้ง
ส่วนคัดดี้ เป็นผู้บริหารหญิงที่รู้ทันเฮาส์แทบทุกเรื่อง แต่ก็ไม่วายต้องยอมไปซะทุกครั้ง
ในส่วนของลูกทีม มีหลายรุ่น
> รุ่นแรก คือ อีริค โฟร์แมน, อลิสัน คาเมรอน, โรเบิร์ต เชส
> รุ่น 2 คือ เรมี 13 แฮดลี่, คริส เท้าบ์, ลอว์เรนส์ คัทเนอร์, แอมเบอร์ โวลาคิส (ฉายา cutthroat bitch)
> รุ่น 3 คือ มาร์ธา มาสเตอร์ (นักศึกษาแพทย์)
> รุ่น 4 คือ ไช พาร์ค, เจสซิกา อดัมส์
โดยแต่ละรุ่นจะมีปนเปกันเข้ามาอยู่ให้หมอเฮาส์กลั่นแกล้งกันเป็นที่สนุกสนานขมขื่น
ตาเฮาส์นี่แกมีชีวิตที่ขมขื่น เจ็บขาเป็นนิตย์ พึ่งไวโคดินจนกลายเป็นคนติดยา คบหากับใครไม่ยืด มีคนเดียวที่ทนแกได้ก็คือวิลสัน ที่เป็นเพื่อนรักกันจนวาระสุดท้ายในชีวิต
คำศัพท์ที่ใช้บ่อยมากในเรื่องก็คือ miserable ซึ่งก็น่าจะแปลได้ว่าสิ้นหวัง ขมขื่น มันสะท้อนให้เห็นถึงตัวเฮาส์ได้อย่างดี การไขปริศนาความป่วยไข้เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับการไขปริศนาชีวิตมนุษย์ผ่านทางชีวิตส่วนตัวของคนไข้
everybody lies นั่นคือสมมติฐานแรกของเฮาส์ที่ว่าทุกคนโกหก ดังนั้นเขาจึงมีหน้าที่ต้องจับโกหกผู้คน อันนำไปสู่การไขปริศนาความป่วยไข้จนได้
moron กับ idiot ก็เป็นอีกชุดคำที่ใช่บ่อยทั้งด่าเขาทั้งโดนด่าเอง
ดูมาจนซีซันหลังๆ ถึงสังเกตว่าแม้จะใช้คำด่ารุนแรง แต่เหมือนไม่เคยมีคำหยาบออกมาเลย ไม่มี fuck สักคำ (หรือมีแต่ไม่ได้สังเกต ไม่เหมือนหนังหลายเรื่องที่คำนี้แทบกลายเป็นสัญลักษณ์ของอเมริกันชนไปเลย)
หลายครั้งที่หนังบอกให้รู้ว่าเฮาส์ไม่ได้สนใจชีวิตคนไข้ ที่เขาสนใจคือการแก้ปริศนา การเจาะเข้าไปวิเคราะห์ในใจของผู้คน โดยเขาจะส่งลูกทีมไปคุยและรักษาคนไข้ ตัวเฮาส์จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเสียส่วนใหญ่ อย่างที่บอกคือ เขาใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระ
แต่มีบางตอนที่บอกว่า บางทีแกก็อาจไม่ได้ไร้หัวใจซะทีเดียว เมื่อถึงคราวที่เขาต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับคนไข้ด้วยตัวเองเมื่อไร เขาจะเกิดความผูกพันทางอารมณ์และเสียศูนย์ไปซะทุกครั้งเมื่อคนไข้ตาย หรือจริงๆ แล้วเฮาส์เป็นคนที่อ่อนไหว และใช้ความปากหมามาปิดบังความรู้สึกนี้ไว้
177 ตอนที่ได้ดู (รอบ 2 นี่ดูไม่ครบ ขาด 2 ซีซันแรกไป ที่ตั้งใจจะกลับไปเก็บใหม่อีกรอบถ้ามีเวลา) มีทั้งตอนที่เคร่งเครียด กับตอนที่ฮา ช่วงหลังเริ่มมีความฮาบ่อยขึ้น ฮาที่สุดซีซันท้ายๆ กับภาพของเคมีที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ของเชสกับพาร์ค หมอหล่อแนวเพลย์บอยกับสาวเฉิ่มไร้เสน่ห์ แต่ก็ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นเอาไว้ให้เราได้คิดต่อกันไปเอง
แม้ว่าเฮาส์จะดื้อรั้น เอาแต่ใจ ชอบเอาชนะ แต่ก็ยอมรับผิดเมื่อทำพลาด บางครั้งก็สมน้ำหน้า บางครั้งก็น่าสงสาร ฮิวจ์ ลอร์รี่รับบทนี้ได้ยอดเยี่ยมทีเดียว
มีเรื่องราวหลายเรื่องเกี่ยวเนื่องกับ House M.D. ที่อ่านเจอในเว็บ ไว้จะเอามาเขียนในครั้งต่อไป ครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะที่มีต่อความ "ขี้เกียจ" ได้ในที่สุด เย้
หลายเดือนที่จมจ่อมกับการดูซีรี่ส์แบบ non-stop แม้จะตัดใจบอกเลิกสมาชิก NetFlix ฉันก็ยังเหลือแผนสำรองไว้นั่นคือ iFlix และ VIU (ซึ่งดูเฉพาะ running man อย่างเดียว) ฉันเป็นพวกดูซีรี่ส์แบบนิสัยเสีย คือไม่จบไม่เลิก
เรื่องที่ไม่จบไม่เลิกล่าสุดก็คือ House M.D.
ฉันเคยดูเรื่องนี้หลายปีก่อน น่าจะเป็นช่วงที่เพิ่งออกมาใหม่ๆ (ออกเป็น DVD) เพราะซื้อมาดูครั้งละ 1 ซีซัน ช่วงหัดดูซีรี่ส์กับดีวีดีผี ดูได้แค่ 3 ซีซันเองล่ะมั้ง ดูจนรู้สึกเกลียดหมอคนนี้มากๆ เพราะชักจะเริ่มไร้หัวใจมากขึ้นในทุกตอนที่ดู
และไม่คิดจะกลับมาดูอีกเลย จนกระทั่ง...
...อยากดูซีรี่ส์หรือหนัง แต่ไม่รู้จะดูอะไร ลองเปิดดูต่อจากที่เคยดู
เริ่มกลับไปดูในซีซัน 4 แต่ต่อไม่ติด เลยต้องย้อนกลับไปที่ซีซัน 3 แล้วก็ดูต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนจบซีซัน 8 โอ้ววววว ตาปูดอีกแล้วคับท่าน
House M.D. เป็นซีรีส์ที่มีทั้งหมด 177 ตอน เริ่มฉายตั้งแต่ปี 2004 ถึง 2012 (หรือพ.ศ.2547-2555)
เป็นเรื่องราวของหมอเฮาส์ที่เป็นอัจฉริยะในด้านการวินิจฉัยโรค ด้วยวิธีสุดโต่ง เป็นคนปากร้าย ชอบเสียดสี จิกกัดชาวบ้าน ขี้สงสัย โดยเฉพาะกับลูกน้องที่โดนแกขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวออกมาประจานกันครบทุกราย เป็นคนขี้หงุดหงิด ติดยาแก้ปวดไวโคดิน หลงตัวเอง เห็นแก่ตัว ชอบเอาชนะ จอมปั่นหัวคน
ขอตัดไปที่ชื่อภาษาไทยบน iFlix ที่เห็นในซีซันสุดท้าย ชื่อว่า "หมอเฮาส์ นักบุญปากร้าย" นักบุญเนี่ยนะ ให้ฉันตั้งเองก็จะเป็น "หมอปากหมา" หรือจะ "หมอปากหมาขาเป๋" เอาให้ครบคือ" หมออัจฉริยะปากหมาขาเป๋" น่าจะดีกว่า (ปกติไม่เคยเอาปมด้อยใครมาล้อเลียนนะ แต่สำหรับเฮาส์นี่ขอยกเว้น)
ตัดกลับมาที่เรื่องราวของซีรี่ส์
เฮาส์เป็นคนประเภทชอบไขปริศนา การวินิจฉัยอาการป่วยของคนไข้ถือเป็นที่สุดของความหลงไหล ยิ่งป่วยหาสาเหตุไม่ได้มากเท่าไรยิ่งชอบ ชอบคิดแต่ไม่ชอบลงมือทำ หน้าที่เข้าแล็ปตรวจสอบหาสาเหตุป่วยไข้จึงตกเป็นของลูกทีม
เวลาที่เหลือของแกก็หมดไปกับการป่วนประสาทคนอื่น เช่น ผู้บริหารโรงพยาบาล ลิซ่า คัดดี้ และหมอรักษามะเร็งที่ชื่อเจมส์ วิลสัน
วิลสันนี่ถือเป็นอีกขั้วหนึ่งของเฮาส์ แกจะเป็นหมอที่ดี๊ดี ดีมาก ประเสริฐเลิศล้ำถึงขั้นยอมบริจาคตับบางส่วนให้คนไข้เลยทีเดียว แล้วจะเหลือรอดเหร๊อเมื่อต้องกลายเป็นเพื่อนกับเฮาส์ วิลสันทั้งโดนแกล้ง โดนเอาเปรียบไปซะทุกเรื่อง จนจะเลิกคบกันก็หลายครั้ง
ส่วนคัดดี้ เป็นผู้บริหารหญิงที่รู้ทันเฮาส์แทบทุกเรื่อง แต่ก็ไม่วายต้องยอมไปซะทุกครั้ง
ในส่วนของลูกทีม มีหลายรุ่น
> รุ่นแรก คือ อีริค โฟร์แมน, อลิสัน คาเมรอน, โรเบิร์ต เชส
> รุ่น 2 คือ เรมี 13 แฮดลี่, คริส เท้าบ์, ลอว์เรนส์ คัทเนอร์, แอมเบอร์ โวลาคิส (ฉายา cutthroat bitch)
> รุ่น 3 คือ มาร์ธา มาสเตอร์ (นักศึกษาแพทย์)
> รุ่น 4 คือ ไช พาร์ค, เจสซิกา อดัมส์
โดยแต่ละรุ่นจะมีปนเปกันเข้ามาอยู่ให้หมอเฮาส์กลั่นแกล้งกันเป็นที่สนุกสนานขมขื่น
ตาเฮาส์นี่แกมีชีวิตที่ขมขื่น เจ็บขาเป็นนิตย์ พึ่งไวโคดินจนกลายเป็นคนติดยา คบหากับใครไม่ยืด มีคนเดียวที่ทนแกได้ก็คือวิลสัน ที่เป็นเพื่อนรักกันจนวาระสุดท้ายในชีวิต
คำศัพท์ที่ใช้บ่อยมากในเรื่องก็คือ miserable ซึ่งก็น่าจะแปลได้ว่าสิ้นหวัง ขมขื่น มันสะท้อนให้เห็นถึงตัวเฮาส์ได้อย่างดี การไขปริศนาความป่วยไข้เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับการไขปริศนาชีวิตมนุษย์ผ่านทางชีวิตส่วนตัวของคนไข้
everybody lies นั่นคือสมมติฐานแรกของเฮาส์ที่ว่าทุกคนโกหก ดังนั้นเขาจึงมีหน้าที่ต้องจับโกหกผู้คน อันนำไปสู่การไขปริศนาความป่วยไข้จนได้
moron กับ idiot ก็เป็นอีกชุดคำที่ใช่บ่อยทั้งด่าเขาทั้งโดนด่าเอง
ดูมาจนซีซันหลังๆ ถึงสังเกตว่าแม้จะใช้คำด่ารุนแรง แต่เหมือนไม่เคยมีคำหยาบออกมาเลย ไม่มี fuck สักคำ (หรือมีแต่ไม่ได้สังเกต ไม่เหมือนหนังหลายเรื่องที่คำนี้แทบกลายเป็นสัญลักษณ์ของอเมริกันชนไปเลย)
หลายครั้งที่หนังบอกให้รู้ว่าเฮาส์ไม่ได้สนใจชีวิตคนไข้ ที่เขาสนใจคือการแก้ปริศนา การเจาะเข้าไปวิเคราะห์ในใจของผู้คน โดยเขาจะส่งลูกทีมไปคุยและรักษาคนไข้ ตัวเฮาส์จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเสียส่วนใหญ่ อย่างที่บอกคือ เขาใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระ
แต่มีบางตอนที่บอกว่า บางทีแกก็อาจไม่ได้ไร้หัวใจซะทีเดียว เมื่อถึงคราวที่เขาต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับคนไข้ด้วยตัวเองเมื่อไร เขาจะเกิดความผูกพันทางอารมณ์และเสียศูนย์ไปซะทุกครั้งเมื่อคนไข้ตาย หรือจริงๆ แล้วเฮาส์เป็นคนที่อ่อนไหว และใช้ความปากหมามาปิดบังความรู้สึกนี้ไว้
177 ตอนที่ได้ดู (รอบ 2 นี่ดูไม่ครบ ขาด 2 ซีซันแรกไป ที่ตั้งใจจะกลับไปเก็บใหม่อีกรอบถ้ามีเวลา) มีทั้งตอนที่เคร่งเครียด กับตอนที่ฮา ช่วงหลังเริ่มมีความฮาบ่อยขึ้น ฮาที่สุดซีซันท้ายๆ กับภาพของเคมีที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ของเชสกับพาร์ค หมอหล่อแนวเพลย์บอยกับสาวเฉิ่มไร้เสน่ห์ แต่ก็ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นเอาไว้ให้เราได้คิดต่อกันไปเอง
แม้ว่าเฮาส์จะดื้อรั้น เอาแต่ใจ ชอบเอาชนะ แต่ก็ยอมรับผิดเมื่อทำพลาด บางครั้งก็สมน้ำหน้า บางครั้งก็น่าสงสาร ฮิวจ์ ลอร์รี่รับบทนี้ได้ยอดเยี่ยมทีเดียว
มีเรื่องราวหลายเรื่องเกี่ยวเนื่องกับ House M.D. ที่อ่านเจอในเว็บ ไว้จะเอามาเขียนในครั้งต่อไป ครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะที่มีต่อความ "ขี้เกียจ" ได้ในที่สุด เย้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น