เกาะแห่งเวลาที่เสียไป L’isola del tempo perso

เกาะแห่งเวลาที่เสียไป เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ทำให้นึกถึงอีกเรื่องที่เคยอ่านตอนวัยยังเยาว์กว่านี้ นั่นคือโมโม่ (Momo) ที่เขียนโดยมิชาเอ็ล เอ็นเด้ ‘เวลาคือชีวิต และชีวิตสถิตอยู่ในหัวใจ’ คือประโยคที่ประทับใจจากหนังสือ

++เกาะแห่งเวลาที่เสียไป กับแนวคิดในเรื่องของเวลา


เปิดเรื่องด้วยการหายตัวไปของนักเขียนคนหนึ่ง จากนั้นก็จะเป็นเนื้อหาในจดหมายของนักเขียนคนนั้น สลับกับเรื่องราวของจูเลียและอาเรียนนา ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทที่อยู่กันคนละโรงเรียน คบหากันแบบลับๆ ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนรู้เรื่องเหล่านี้

ในวันที่เกิดเรื่อง จูเลียออกไปทัศนศึกษากับเพื่อนร่วมชั้นในเหมืองแร่ใต้ดิน ที่นั่นคือเหมืองเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว เปิดไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าศึกษา อาเรียนนาตามไปเจอกับจูเลียในระหว่างการเข้าชม แล้วชักชวนกันหนีจากกลุ่มไปเดินดูส่วนอื่นๆ ของเหมืองกันเอง จนในที่สุดทั้งคู่ก็หลงทางในความมืดมิด และจู่ๆ ก็ลอยออกไปโผล่ที่เกาะแห่งหนึ่ง

ที่เกาะแห่งนี้คือ เกาะแห่งเวลาที่เสียไป ที่นั่นพวกเขาได้พบกับข้าวของที่ผู้คนทำหาย ทั้งหนังสือ ร่ม แว่นตา เสื้อผ้า เศษกระดาษ ฯลฯ รวมถึงคนหลงทางก็จะมาอยู่รวมตัวกันที่เกาะนี้ เวลาบนเกาะนั้นผ่านไปช้าๆ เพราะเป็นเวลาที่คนขี้เกียจปล่อยทิ้งไป 


ที่นั่นพวกเขาได้พบกับผู้คนกลุ่มหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ที่หลงทางแล้วมารวมกันอยู่ที่นี่ เกาะแห่งนี้จึงเหมือนเป็นสถานที่แสนสนุกของเหล่าเด็กๆ ที่ใช้ชีวิตกันอย่างอิสระไม่มีผู้ใหญ่คอยบงการ 

แต่ทุกสิ่งในชีวิตไม่ได้มีแต่เรื่องดีเพียงด้านเดียว เรื่องร้ายก็กำลังเกิดขึ้นกับเกาะแห่งนี้ ที่ทำให้พวกเขาต้องร่วมมือกันกอบกู้สถานการณ์


++ไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควร

จริงๆ เกาะแห่งเวลาที่เสียไป ก็สนุกอ่ะนะ แต่ว่ามันเกินอายุของฉันไปสักหน่อย คือถ้าเด็กกว่านี้สักนิดฉันคงสนุกสนานมากทีเดียว (นิดเดียวจริงจริ๊ง 555) ตอนอ่านโมโม่ ฉันเรียนอยู่มัธยมปลาย อ่านแล้วประทับใจมาก แต่เมื่อมาอ่านอีกครั้งหลังผ่านไป 2 ทศวรรษ เนื้อหาก็ไม่ได้กินใจฉันอีกต่อไป หลายเรื่องก็ออกอาการเดียวกัน จนเลิกพยายามอ่าน แค่เก็บความรู้สึกนั้นไว้แทนก็แล้วกัน

คงต้องยกประโยคหนึ่งจากหนังสือ หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ มาอ้างอิงสักหน่อย “ตอนอายุยี่สิบเราอาจจะรู้สึกคนละแบบกับตอนอายุสี่สิบก็ได้ เรื่องนี้จริงทั้งกับการอ่านและการใช้ชีวิต” (หน้า 36)

มีเพียงเรื่องเดียวที่ชอบทุกครั้งที่อ่าน ทำให้มุมมองที่มีต่อเนื้อเรื่องแตกต่างกันออกไปในวัยที่ต่างกันด้วย นั่นคือ หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว ที่อ่านมาครบ 3 รอบ ความคิดเปลี่ยนไปทั้ง 3 รอบเลยเชียว

++เกี่ยวกับหนังสือ 

หนังสือชื่อไทย เกาะแห่งเวลาที่เสียไป แปลจากหนังสืออิตาลี L’isola del tempo perso 

ผู้เขียนคือ Silvana Gandolfi ณ ตอนนี้ (2021) อายุ 81 ปี (เกิดปี 1940) ชาวอิตาลี หนังสือส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรมเยาวชน 

(ที่มาของภาพ https://www.readingitaly.it/1271)

แปลเป็นไทยโดย นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ 

พิมพ์ในปี 2563 โดยสำนักพิมพ์อ่านอิตาลี


++สปอยล์ล่ะนะ นิดนึง







เพื่อช่วยเหลือเกาะแห่งเวลาที่เสียไป เราจำเป็นต้องใช้ศิลปะแห่งการอยู่เฉยๆ โดยการทำตัวให้ว่างเสียบ้าง ไม่ต้องใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แล้วเวลาว่างเหล่านั้นจะถูกส่งไปยังเกาะเพื่อช่วยเหลือเพื่อนพ้องของจูเลียและอาเรียนนา 

นั่นแหละทั้งเล่มชอบตรงนี้แหละ เพราะตอนนี้ชอบมากกับการนั่งๆ นอนๆ ไม่อยากทำอะไรเพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แค่อยากว่าง แต่ด้วยความที่ยังไม่รวย ว่างมากนักก็หมายถึงว่างเงิน เลยว่างมากไม่ได้ 555

 

ความคิดเห็น