ช่วงที่บุญสุขมาอยู่บ้านเรา เราเลี้ยงแมวอยู่ 5 ตัว โดยมีบุญมิ้วเป็นตัวล่าสุดที่มาอยู่หลังจากเราย้ายบ้านมาที่นี่
บุญมิ้วมาอยู่ยังไงก็ยังงงๆ เดิมทีเราตั้งใจว่าจะไม่เลี้ยงแมวเพิ่มอีกเพราะกว่าชุดเก่าจะเลิกกัดกันก็ตอนย้ายบ้าน ก็เลยไม่มีถิ่นเก่าถิ่นใหม่สำหรับแมวเก่าๆ ของเรา มิ้วมาตอนแรกก็ยังหวาดหวั่นว่าถ้ากัดกันก็ต้องแยกห้องอีกแล้วหรือนี่ แต่มิ้วแมวจรก็ผ่านสัมภาษณ์มาด้วยดี
และแล้วเช้าวันหนึ่งของเดือนมีนาคม ปี 2560
บุญตามชอบขึ้นบันไดอลูมิเนียมไปแหกปากร้องอยู่แถวหลังบ้าน เราเลยตั้งบันไดไว้ให้มันปีนเอง เช้านั้นมันก็ขึ้นไปร้องตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติวันนั้นคือมีเสียงร้องตอบมาจากด้านหลังรั้ว
แล้วหน้าแหลมๆ ก็เกาะขอบโผล่ออกมาให้เรา (ฉันกับบุญตาม) ได้เห็น
นั่นแหละคือครั้งแรกที่เราได้รู้จักกับบุญสุข แมวเด็กแต่ตัวไม่เล็กนัก
ตอนแรกก็กะว่าไม่เลี้ยง เอาอาหารไปวางให้ เผื่อว่าอิ่มแล้วจะไปเที่ยวเล่นเอง แต่มันไม่ไป ผ่านไป 3 วันเราก็เลยพาไปคลินิกหมอปุณฯ (หมอปุณวัฒน์) ที่หน้าหมู่บ้าน ไปทำหมันและกักกันโรค
1 สัปดาห์ผ่านไป เราก็รับบุญสุขกลับบ้าน เอาใส่กรงใหญ่วางไว้ในบ้านให้ชินกับแมว 5 ตัวของเราก่อน มันก็คงเบื่อเต็มที 7 วันที่คลินิกและยังต้องมาโดนกักตัวในกรง ในขณะที่แมวอื่นเดินกันอย่างเสรี มันเลยแหกปากลั่น
ฉันด้วยความใจอ่อน เลยจับมันออกไปนอกบ้าน (รั้วบ้านเราสูง 170 ซม. ต่อเติมสูงเพื่อกันแมวหนีออก เจ้ามิ้วแมวจรยังหนีออกไปไม่ได้ เลยมั่นใจมากว่าไม่มีแมวตัวไหนกระโดดหนีได้) ให้บุญสุขได้วิ่งเล่นยืดแข้งขาบ้าง เล่นสนุกจนเกิดอะไรขึ้นก็จำไม่ได้ สุขวิ่งหนีไปซุกอยู่ใต้ชั้นวางของหลังบ้าน เรียกเท่าไรก็ไม่ออก
ฉันต้องรีบออกไปทำธุระเลยปล่อยมันวิ่งเล่นก่อน กะว่ากลับมาค่อยจับเข้าบ้าน
ผ่านไปราว 1 ชม. ฉันกลับมาก็ไม่เจอบุญสุขแล้ว สงสัยจะกระโดดเก่ง ตอนนั้นฉันเพิ่งได้ดูแลมันนับชั่วโมงได้ ไม่รู้สึกผูกพันอะไร ในเมื่อมันไม่อยากอยู่ก็ไม่เป็นไร
3 วันต่อมา หมอปุณฯ โทรกลับมาว่าเจอตัวบุญสุข
เรื่องก็คือมันหนีไปหมู่บ้านด้านหลังที่อยู่ติดกัน ไปบ้านที่เขาเลี้ยงหมา โดนหมากัดปางตาย แล้วหนีไปหลบที่บ้านอีกหลัง เจ้าของบ้านเลยให้หมอปุณฯ มาจับตัวมันไปรักษา (หมอก็อยู่หมู่บ้านนี้แหละ) ผู้ช่วยหมอจำมันได้ เขาก็เลยโทรมาถามว่าจะรับบุญสุขกลับมั้ย
เราก็รับกลับ แต่บุญสุขต้องอยู่รักษาตัวที่คลินิกราว 1 เดือน กว่าจะหายดี ฉันกับป๋าเองก็ติดธุระไม่มีเวลาดูแลมันเลย (ช่วงเปิดบูธฯ งานหนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์) หมอก็ใจดี รักษาฟรีเพราะมันเป็นแมวจรที่เรายังต้องรับภาระมันไปอีกชั่วชีวิต
หลังงานหนังสือฯ เราก็ไปรับมันกลับมา อยู่กรงเหมือนเดิม หลังผ่านไป 1 สัปดาห์เราก็ปล่อยมันออกจากกรง แต่งานนี้บุญสุขไม่ผ่านสัมภาษณ์กับพี่บุญแต้ม
หลังจากนั้นวิบากกรรมอันใหญ่หลวงก็รอฉันอยู่นานนับปี นั่นก็คือบุญแต้มวิ่งไล่ตบตีบุญสุขทุกครั้งที่เห็น ฉันเลยต้องให้บุญสุขอยู่นอกบ้าน บุญแต้มอยู่ในบ้าน ประตูแมวที่ติดไว้ก็ยกเลิกการใช้ แมว 5+1 ตัวถ้าจะเข้าออกก็ต้องเรียกนังทาสมาเปิด ฉันก็ใช้ชีวิตปิดๆ เปิดๆ ประตูบ้านตลอดทั้งวัน งานการไม่ต้องทำกันล่ะ
สำนักพิมพ์จึงปิดตัวลง ด้วยข้ออ้างเรื่องแมว (จริงๆ คือหนังสือเริ่มขายไม่ออก เก็บที่บ้านเพียบ แบกก็ไม่ค่อยไหว แก่แล้ว เลยเลิกๆ ไปซะ)
ตอนกลางคืนค่อยดีหน่อย บุญแต้มชอบนอนชั้นล่าง บุญสุขเลยนอนชั้นบน ชั้นบนจึงมีกระบะทรายกับอาหารเพิ่มอีก 1 ชุด
มีเหมือนกันที่บุญแต้มตามไปตบบุญสุขที่ชั้นบน นั่นก็ตอนที่ป๋าไม่อยู่ กลับบ้านดึก (ป๋าทำงาน) แต่ตอนนอนป๋าอยู่ บุญแต้มกลัวป๋ามาก ไม่กล้าตามไปตบตีบุญสุขที่ชั้นบน บุญสุขก็เลยรอดปลอดภัย
มาอยู่ได้ไม่นาน ก็สังเกตเห็นหางบุญสุขมีรอยดำๆ หักเอียงตรงกลาง เลยพาไปให้หมอปุณฯ ดู เขาบอกว่าคงต้องตัดหางออก ผลจากที่โดนหมากัดครั้งนั้นน่ะแหละ บุญสุขเลยต้องไปอยู่ที่คลินิกอีก 1 อาทิตย์
รอบนี้บุญสุขท่าทางเครียดอย่างเห็นได้ชัด พอกลับมารอบนี้เลยกลายเป็นแมวเกเร มันกลัวบุญแต้ม แต่ก็เกเรกับบุญเต็มและบุญตามเต็มที่ แถมยังฉี่ไปทั่วบ้าน ไล่ตามเช็ดกันไม่หวาดไม่ไหวจนบางครั้งก็หงุดหงิดมันมากๆ
เคยตีมันเหมือนกัน ตีจนมันกลัว เห็นงั้นแล้วฉันเลยเลิกตี สงสาร
ราว 1-2 ปีที่บุญสุขมาอยู่บ้านนี้ บุญสุขเริ่มเกเรกับบุญเต็มกับบุญตามหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ตอนหลัง 2 ตัวเลยอพยพมานอนชั้นล่าง พกพามาด้วยบุญแต่ง ที่เบื่อเด็ก
ปกติบุญเต็มจะนอนเบาะข้างๆ ฉันทุกคืน เดินไปเข้าห้องน้ำก็เดินตาม เดินกลับมานอนก็กลับมา ฉันก็ชอบเอามือซุกใต้ตัวมันนุ่มๆ พอมันไม่ขึ้นไปกลุ้มใจไม่น้อย พยายามพามันขึ้น แต่มันก็กลัวบุญสุขเลยไม่ยอมอยู่
บุญตามก็เป็นแมวเก็บตัว ชอบไปแอบนอนตัวเดียว ไม่ยุ่งกับใคร พอต้องลงมานอนข้างล่างก็ต้องอยู่รวมกับตัวอื่น
ในที่สุดในปี 2563 บุญเต็มก็จากไป 1 เดือนต่อมาบุญตามก็ตามพี่สาวไป
อีก 2 ปีถัดมาบุญแต้มคู่กัดบุญสุขก็จากไปอีก 1 ตัว (ปี 2565)
ปิดฉาก 3 พี่น้องครอกเดียวกันจากหลังคาบ้านทาวน์เฮาส์