โอลีฟ คิตเตอร์ริดจ์ (Olive Kitteridge)



เมื่อตอนอายุน้อยกว่านี้ ในวัยยี่สิบต้นๆ นึกภาพตัวเองตอนอายุ 30-40 ไม่ออก คิดแต่ว่าน่าจะฉลาดกว่านี้ รอบรู้กว่านี้ กล้าหาญกว่านี้ จัดการชีวิตได้ดีกว่านี้ มีความสุขมากกว่านี้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ดูไม่ค่อยต่างจากเดิมสักเท่าไร ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เราไม่รู้ ขลาดกลัว ใจร้อนเหมือนเดิม และมีร่างกายอ่อนล้ามากขึ้น

หนังสือเล่มนี้เหมือนหนังสือรวมชีวิตคนแก่ชรา ที่ดูเหมือนว่าชีวิตก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคนหนุ่มสาว



หนังสือเล่มนี้เหมือนหนังสือรวมเรื่องสั้นที่มีตัวละครเอกชื่อว่า โอลีฟ คิตเตอร์ริช ที่ปรากฏตัวเป็นทั้งตัวเอกของเรื่อง เป็นตัวประกอบ และเป็นตัวละครที่ทำหน้าที่เป็นฉากหลังเดินไปมาโดยไม่มีบทพูด

ฉากของเรื่องคือเมืองเล็กๆ เมื่องหนึ่งในสหรัฐฯ ที่มีความขัดแย้งกันระหว่างความเก่าและความใหม่ ทุกชีวิตแก่ชราและหมองหม่นหดหู่ ไม่เว้นกระทั่งชีวิตของเด็กและหนุ่มสาว ทุกคนถูกห้อมล้อมด้วยชีวิตที่มืดมนไร้ความหวังในอนาคต 

ตัวละครเอกของแต่ละตอนล้วนเข้าสู่วัยกลางคนหรือวัยชรา ที่ต้องผจญกับความอ่อนล้าของร่างกาย จิตใจเองก็ถูกบั่นทอนจากปัญหาที่รุมเร้า สิ่งเหล่านี้ถูกถ่ายทอดส่งต่อไปยังลูกหลานอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ตัวละครทุกคนเหมือนมีชีวิตจริง ผู้เขียนบรรยายได้ลึกเข้าไปถึงในจิตใจของแต่ละคน ทั้งความรู้สึก ความใฝ่ฝัน ความหวัง ความรัก และสัมผัส เนื้อเรื่องสอดประสานกัน อ่านแล้วชวนให้คิดติดตาม

มนุษย์เราไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก วัยรุ่น หนุ่มสาว กลางคน ชรา ทุกคนต่างต้องดิ้นรนไปในเส้นทางของชีวิตที่มีแต่ขวากหนามตลอดเส้นทาง ดังนั้นเราจึงควรยอมรับมันในฐานะส่วนหนึ่งของชีวิตที่ไม่มีวันจะสูญหายไปจากเราจนกว่าเราจะสิ้นลมนั่นแหละ




...เธอ (โอลีฟ) อยู่กับลูกชายที่ต้องการเธอ ความแตกร้าวใดๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว  ซึ่งเริ่มต้นอย่างไร้พิษภัยเหมือนผื่นบนแก้มแอนด์และได้แพร่กระจายไปจนแยกเธอจากลูกชาย ความแตกร้าวนั้นสมานได้ อาจมีรอยแผลเป็นทิ้งไว้ แต่คนเราสะสมรอยแผลเป็นเหล่านี้และดำเนินชีวิตต่อไป เหมือนที่เธอทำอยู่กับลูกชายในตอนนี้...
--ตัดตอนมาจากหน้า 207



ความคิดเห็น