เจ้าตัวนี้ชื่อว่า "ทองหยอด" แต่หลังๆ ได้ยินเจ้านายมันเรียกว่า "ไอ้อ้วน" (เหมือนไอ้แมวอ้วนบุญเต็มที่บ้านเลย) ก็เลยเรียกมันไอ้อ้วนเหมือนกัน
มันเป็นหมาอารมณ์ดีมากๆ เวลาเจอหน้ากันก็จะวิ่งหน้ายิ้มเข้ามา หางกระดิกดิ๊กดิ๊ก ส่ายดุกดิกไปซะทั้งตัว น่ารักจนอดจับขยำเล่นไม่ได้
แม่ของไอ้อ้วนนี่มักพามันออกมาวิ่งเล่นตอนเย็น มันก็เดินสำรวจดมโน่นนี่นั่นไปตามเรื่อง ขนาดช่วงน้ำท่วม เขายังขยันพายเรือพามันออกไปหาดินสำหรับปล่อยอึทุกวันๆ เขาเลี้ยงมันดีมากๆ เลย มันเลยกลายเป็นหมาอารมณ์ดีดี๊ดีจนน่าหมั่นไส้จริงจริ๊ง
วันไหนที่เห็นน้องเขาพามันออกมาเดิน เราสองคนกับป๋า (สามี) ก็จะรีบวิ่งออกไปเล่นกะมัน แรกๆ ที่เจอกัน เราก็เอาขนมหมาที่มีรูปร่างเหมือนกระดูกสีขาวให้มันกิน มันก็ทำท่าอิดเอื้อนบิดไปบิดมา แล้วค่อยๆ คาบขนมหมาวิ่งกลับบ้านไป
ท่าทางอิดเอี้อนของมันเหมือนจะบอกว่า "จะกินดีเหรอ กินดีหรือไม่กินดี จะดีมั้ยน้า อายจัง เอาไงดีเนี่ย อยากกินนะ แต่เขาจะว่ามั้ย อายนะเนี่ย เอาก็เอา" ดุกดิกๆ ในช่วงให้ขนมแบบทรงกระดูกมันก็จะทำท่าแบบนี้แหละ บางวันก็ไม่ยอมรับจากมือป๋า แต่จะรับจากมือฉัน บางวันคาบไปแล้วก็ไปคายทิ้งกับพื้น ต้องให้แม่มันตามเก็บไปให้มันที่บ้านอีกที น้อง (หรือแม่มัน) ก็เล่าว่าพอกลับบ้านมันก็แทะขนมอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ
ตอนหลังขนมรูปกระดูกหมด ก็เลยไปซื้อแบบที่เป็นแท่งเกลียวรสเนื้อ (หรือรสอะไรสักอย่างจำไม่ได้) วันแรกที่ไอ้อ้วนได้กลิ่น มันรีบคาบหมับจากมือแล้ววิ่งเผ่นแนบกลับบ้าน ไม่เก็บอาการกระมิดกระเมี้ยนอีกต่อไป
มันมาบ้านเราบ่อยๆ พอเราเห็นก็จะวิ่งออกไปหา ถ้าวันไหนที่เราไม่ได้ปล่อยแมววิ่งอยู่ตรงลานหน้าบ้าน เราก็จะปล่อยให้เจ้าทองหยอดเข้ามาสำรวจดมโน่นนั่นนี่ จนแม่มันต้องต้อนกลับบ้าน แต่ถ้าแมวอยู่ก็อดไป ช่วงที่ได้ขนมแท่งเกลียว พี่แกก็เลิกสำรวจ มุ่งมั่นแต่จะดมมือเพื่อมองหาขนม ขนาดว่าน้องเขาบอกว่าที่บ้านก็ซื้อไว้ แต่มันก็ยังชอบมากๆ กับการมาคาบจากมือเราแล้ววิ่งฉิวเข้าบ้านไป
ท่าทางมันก็ยังเหมือนเดิม วิ่งหน้าเปี้อนยิ้มเข้ามาพร้อมทั้งส่ายหางส่ายตัวดุกดิกๆ ไปมา
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มันไปผ่าตัดก้อนเนื้อจากสีข้าง กลับมาอีกครั้งมันก็มีผ้าพันแผลพันติดรอบตัว ถึงขนาดนั้นมันก็ยังดุกดิกๆ ยิ้มไปส่ายมาเหมือนเดิม แล้วเราก็จะเห็นภาพเจ้าทองหยอดใส่เสื้อวิ่งมาหาอย่างมุ่งมั่นทุกวัน
วันนี้ก็เหมือนกัน มันมาป้วนเปี้ยนตรงรั้วบ้านเรา น้องเขาก็พยายามต้อนมันกลับไป แต่ป๋าเห็นซะก่อน เราก็เลยเฮโลกันออกมา คำแรกที่น้องบอกทำให้ฉันถึงกับใจหาย น้องบอกว่าไอ้อ้วนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ที่กำลังลามไปยังอวัยวะภายใน ด้วยความที่อายุมากแล้ว ทำคีโมคงทนไม่ไหว ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย จากท่าทางของมัน เรามองไม่ออกเลยว่ามันเป็นหมาที่กำลังป่วย ต่างกันตรงที่วันนี้แทนที่มันจะคาบขนมแท่งวิ่งกลับบ้านไปทันที มันกลับนอนแทะขนมอยู่ตรงหน้าระหว่างที่เราสอบถามอาการของมัน
ฉันได้แต่กอดแล้วเอาหน้าแนบกับขนของมันที่สะอาดเอี่ยมและไม่อยากให้มันจากไปไหนเลย ตอนที่นั่งพิมพ์ถึงบรรทัดนี้ฉันก็เริ่มร้องไห้ให้กับมันเป็นครั้งแรกหลังจากได้ยินข่าว ไอ้อ้วนเอ้ย...