ฉันเป็นคนชอบอ่านหนังสือแปล เป็นเพราะชอบลักษณะการเรียงร้อยถ้อยคำของนักเขียนต่างประเทศ ได้มีโอกาสได้เป็นบรรณาธิการหนังสือแปลอยู่พักหนึ่งเพราะคิดว่าน่าจะไปด้วยกันได้ แต่ก็ขอยอมแพ้
ทั้งนี้ก็เกิดอาการเข็ดขยาดกับนักแปล สำนักพิมพ์ไหนมีนักแปลมืออาชีพทำงานดีๆ ทำงานด้วยถือเป็นโชคของบรรณาธิการเลยเชียวล่ะ สำหรับนักแปลที่ฉันเคยพบมักเป็นนักแปลมือใหม่ที่ทำงานแบบผ่านๆ เพราะเขาต้องทำงานประจำ หรือไม่ก็เป็นนักแปลมีชื่อแต่รีบปั่นงานออกมาเพื่อทำเงิน
งานแปลที่ได้จึงเป็นงานที่แปลออกมาโดยไม่มีการอ่านทวน
ทำไมฉันถึงคิดอย่างนั้นล่ะ... ก็เพราะว่า ถ้าเขาอ่านทวนสักรอบหนึ่งเขาจะรู้ว่าสิ่งที่เขาแปลนั้นมันมีบางอย่างผิดปกติจนต้องตรวจสอบอีกครั้ง ดังเช่นตัวอย่างหนึ่งจากหนังสือที่เพิ่งอ่านจบไป
ร่างของหล่อนนอนหงายเหยียดยาวคว่ำหน้าอยู่บนเครื่องปั่นไฟสำรอง...
สรุปว่าจะ "นอนหงาย" หรือ "คว่ำหน้า" กันแน่ และอีกหลายประโยคที่ไม่ได้รูปได้รอย ซึ่งหากมีการทวนซ้ำก็ต้องพบอย่างแน่นอน
ต่อมาคนที่ต้องรับผิดชอบก็คือบรรณาธิการที่ต้องอ่านแล้วตรวจทานกับต้นฉบับ หากพบความผิดปกติก็ต้องแก้ไข ถ้าพบข้อผิดพลาดแบบนี้ฉันถึงกับกุมขมับ เพราะเคยถึงขนาดต้องตรวจแก้กันแทบจะแปลใหม่ไปเลย และอีกด่านคือต้องผ่านคือพิสูจน์อักษรที่ต้องคอยตรวจสอบคำที่สะกดผิด
ช่วยๆ กันอ่าน ช่วยๆ กันแก้ไขข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด
จริงอยู่ว่าหนังสือแต่ละเล่มจะให้ไม่มีผิดพลาดเลยคงเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับเล่มนี้มีข้อผิดพลาดมากมายจนฉันเองก็เหนื่อยใจ อ่านไปก็สงสัยว่าไอ้ที่แปลๆ มานั้นเนื้อหามันถูกต้องหรือเปล่า
ก็อยากฝากให้กับคนทำงานด้านหนังสือ กว่าหนังสือจะตีพิมพ์ออกมาแต่ละเล่ม ต้องใช้ทรัพยากรไปเป็นจำนวนมาก ราคาหนังสือก็ใช่ว่าจะถูกๆ คนซื้อก็คาดหวังว่าจะได้หนังสือที่คุ้มค่ากับการอ่าน อยากให้คนทำงานหนังสือรอบคอบกว่านี้สักนิดนะคะ