"เรื่องราวระทึกขวัญอันเหลือเชื่อที่จะทำให้คุณหวั่นผวา สะท้านด้วยความกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน"
คือคำโปรยบนหน้าปกของหนังสือเรื่องนี้ หลังจากอ่านไปได้ 100 กว่าหน้าก็ยังไม่รู้สึกถึงความหวั่นผวา กลับเป็นเหมือนหนังสือให้ความรู้เรื่องการประกันภัยยังไงยังงั้น
แต่ด้วยสำนวนการเขียน การผูกโยงเรื่อง การบรรยาย ที่น่าอ่านทำให้อ่านไปได้เรื่อยๆ และคิดว่าคำบรรยายเรื่องประกันภัยต้องเข้ามาเกียวข้องกับเนื้อหาหนังสืออย่างแน่นอน แล้วก็จริงอย่างที่โปรยบอก การประกันภัยได้เข้ามาเป็นเนื้อหาสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องราวเกิดความน่าหวาดผวาจริงๆ
ผิดคาดไปนิดตรงที่คิด (ไปเอง) ว่ามันเป็นเรื่องผี เพราะเรื่องจริงๆ มันคือเรื่องราวของการฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมน่าขนลุก จนต้องช่วยลุ้นให้กับผู้ที่กำลังจะกลายเป็นเหยื่อในเรื่องไปทีเดียว
หนังสือสนุกน่าติดตามใช้ได้ทีเดียว ถ้าพยายามไม่ใส่ใจกับการพิสูจน์อักษรที่ผิดพลาดหลายแห่งก็พอไหวล่ะ หลังๆ เจอหนังสือเรื่องราวสนุกหลายเล่ม แต่ผิดพลาดเอามากๆ ตรงการแปล การพิสูจน์อักษรและการบรรณาธิการ ที่ทำให้หนังสือด้อยค่าลงไปเยอะ จริงๆ ถ้าทำออกมาดี หนังสือน่าจะขายได้อีกนาน โดยไม่ถูกโละออกมากลายเป็นหนังสือ 50 บาทอย่างเช่นทุกวันนี้
บอกตรงๆ เสียดายกระดาษและทรัพยากรอื่นๆ ที่นำมาทำหนังสือ
ในขณะที่หนังสือหลายเล่มที่อ่าน ไม่สนุกเอาซะเลย การบรรยายของนักเขียนดูไร้วรรณศิลป์ กินแล้วไม่ลื่นคอ อ่านแล้วไม่รื่นใจ เสียดายเวลาที่จะอ่าน
ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้เริ่มกลับมาอ่านหนังสือได้มากขึ้น แม้จะไม่ได้มากมายเหมือนสมัยก่อน แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับดี
ในระยะหลังๆ งานที่มีอยู่มันมากมายก่ายกองสุมอยู่จนทำไม่ได้ครบสักอย่าง ยังมีงานหลายอย่างที่มีความจำเป็นในระดับเดียวกันคั่งค้าง เป้าหมายประจำสัปดาห์ไม่เคยสำเร็จ มีบางสัปดาห์ทำได้เยอะสุด แต่ก็เหนื่อยหน่ายสุดๆ รู้สึกเหมือนพลังชีวิตเริ่มหลุดออกจากลมหายใจ
บ่อยครั้งที่มีความปรารถนาสูงสุดคือ อยากให้ไม่มีหนี้ อยากมีชีวิตแบบช้าๆ บ้าง แต่ไม่ได้อยาก Slow Life เพื่อตามสมัยนิยมหรอกนะ แต่เป็นเพราะเหนื่อยสุดๆ แล้ว แก่ขึ้นๆ ทั้งร่างกายและสมอง เริ่มอยากนั่งพักผ่อน ไม่อยากโหมทำงานเหมือนสมัยก่อนที่ไฟแรงล้น ประเภทนั่งเฉยๆ แล้วจะบ้าตายเอา
หลายเรื่องไม่ได้นำมาเขียนบล็อคทั้งที่อยากเขียนถึง ก็เพราะว่าเป็นช่วงที่เหนื่อยจนไม่อยากคิดไม่อยากทำอะไรเอาซะเลยน่ะสิ
อยากเอนลงนอนจัง
คือคำโปรยบนหน้าปกของหนังสือเรื่องนี้ หลังจากอ่านไปได้ 100 กว่าหน้าก็ยังไม่รู้สึกถึงความหวั่นผวา กลับเป็นเหมือนหนังสือให้ความรู้เรื่องการประกันภัยยังไงยังงั้น
แต่ด้วยสำนวนการเขียน การผูกโยงเรื่อง การบรรยาย ที่น่าอ่านทำให้อ่านไปได้เรื่อยๆ และคิดว่าคำบรรยายเรื่องประกันภัยต้องเข้ามาเกียวข้องกับเนื้อหาหนังสืออย่างแน่นอน แล้วก็จริงอย่างที่โปรยบอก การประกันภัยได้เข้ามาเป็นเนื้อหาสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องราวเกิดความน่าหวาดผวาจริงๆ
ผิดคาดไปนิดตรงที่คิด (ไปเอง) ว่ามันเป็นเรื่องผี เพราะเรื่องจริงๆ มันคือเรื่องราวของการฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมน่าขนลุก จนต้องช่วยลุ้นให้กับผู้ที่กำลังจะกลายเป็นเหยื่อในเรื่องไปทีเดียว
หนังสือสนุกน่าติดตามใช้ได้ทีเดียว ถ้าพยายามไม่ใส่ใจกับการพิสูจน์อักษรที่ผิดพลาดหลายแห่งก็พอไหวล่ะ หลังๆ เจอหนังสือเรื่องราวสนุกหลายเล่ม แต่ผิดพลาดเอามากๆ ตรงการแปล การพิสูจน์อักษรและการบรรณาธิการ ที่ทำให้หนังสือด้อยค่าลงไปเยอะ จริงๆ ถ้าทำออกมาดี หนังสือน่าจะขายได้อีกนาน โดยไม่ถูกโละออกมากลายเป็นหนังสือ 50 บาทอย่างเช่นทุกวันนี้
บอกตรงๆ เสียดายกระดาษและทรัพยากรอื่นๆ ที่นำมาทำหนังสือ
ในขณะที่หนังสือหลายเล่มที่อ่าน ไม่สนุกเอาซะเลย การบรรยายของนักเขียนดูไร้วรรณศิลป์ กินแล้วไม่ลื่นคอ อ่านแล้วไม่รื่นใจ เสียดายเวลาที่จะอ่าน
ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้เริ่มกลับมาอ่านหนังสือได้มากขึ้น แม้จะไม่ได้มากมายเหมือนสมัยก่อน แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับดี
ในระยะหลังๆ งานที่มีอยู่มันมากมายก่ายกองสุมอยู่จนทำไม่ได้ครบสักอย่าง ยังมีงานหลายอย่างที่มีความจำเป็นในระดับเดียวกันคั่งค้าง เป้าหมายประจำสัปดาห์ไม่เคยสำเร็จ มีบางสัปดาห์ทำได้เยอะสุด แต่ก็เหนื่อยหน่ายสุดๆ รู้สึกเหมือนพลังชีวิตเริ่มหลุดออกจากลมหายใจ
บ่อยครั้งที่มีความปรารถนาสูงสุดคือ อยากให้ไม่มีหนี้ อยากมีชีวิตแบบช้าๆ บ้าง แต่ไม่ได้อยาก Slow Life เพื่อตามสมัยนิยมหรอกนะ แต่เป็นเพราะเหนื่อยสุดๆ แล้ว แก่ขึ้นๆ ทั้งร่างกายและสมอง เริ่มอยากนั่งพักผ่อน ไม่อยากโหมทำงานเหมือนสมัยก่อนที่ไฟแรงล้น ประเภทนั่งเฉยๆ แล้วจะบ้าตายเอา
หลายเรื่องไม่ได้นำมาเขียนบล็อคทั้งที่อยากเขียนถึง ก็เพราะว่าเป็นช่วงที่เหนื่อยจนไม่อยากคิดไม่อยากทำอะไรเอาซะเลยน่ะสิ
อยากเอนลงนอนจัง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น