งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 44 --บ่นเล็กๆ หลังงาน

เรื่องมันเริ่มมาจากแผลในปากตรงโคนลิ้น ที่เริ่มเจ็บเล็กน้อยในวันเริ่มงาน แล้วเจ็บหนักขึ้นจนกระทั่งกินอะไรก็ไม่มีสุข มันเป็นจุดที่มองหารอยแผลยาก ก็เลยปล่อยปละละเลยไว้ ด้วยคิดว่าคงจะหายเอง

แล้วมันก็ไม่หาย

ฉันเลยไปซื้อยามาทา ทาแค่คืนเดียวเอง แผลก็ค่อยๆ หาย แต่ผลกระทบของยาทาแบบนี้ที่เกิดกับฉันทุกครั้งคือคอแห้ง ระคายคอ ดังนั้นอาการที่เกิดต่อมาใน 2-3 วันก็คือเจ็บคอ ที่ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ไปสู่การเป็นหวัด น้ำมูกไหลในวันต่อมา และวันต่อมาก็หวัดลงคอ เริ่มครั่นเนื้อครั่นตัว ยังไม่ถึงกับไข้ขึ้น แต่ก็เกิดอาการ... ง่วง

ฉันนั่งคลุมผ้าหลับอยู่ในบูธแทบจะตลอดทั้งวัน ถ้าไม่นอนก็ออกไปเดิน เดินก็ยังง่วง (เป็นครั้งแรกที่เดินแล้วไม่หายง่วง) รู้สึกว่านั่งนับเวลารอวันสิ้นสุดงานกันเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว

วันสุดท้ายกินยาแก้ไข้ แต่หายาแก้หวัดมากินไม่ได้ เพราะไม่มีร้านขายยาแถวศูนย์สิริกิติ์ ฉันสดชื่นขึ้น ไม่ง่วง แต่น้ำมูกไหลแทบจะตลอดเวลา บางช่วงอาการหนักถึงขั้นน้ำตาไหลตาม ในหูคันยิบ




เวลาผ่านไป 14 วัน (รวมวันจัดบูธ) ฉันก็กลับมาอยู่ที่บ้าน เพื่อนอนพักฟื้นจากอาการป่วยที่ยังไม่หาย

ซื้อยามากินก็ไม่หาย แถมยังแลป่วยหนัก เลยเลิกกิน นอนร้อนระอุอยู่ที่บ้าน ไอติมข้าวเหนียวมะม่วงของสเวนเซนที่หมายมั่นปั้นมือไว้ว่าจะกินให้ได้หลังงานก็ไม่ได้กิน ไม่อยากแม้แต่น้อย

ชีวิตเหมือนยังไม่ฟื้น วันๆ ถ้าไม่นอน ก็ออนไลน์ดูโน่นนี่ไปเรื่อย ไม่ก็นั่งเฉยๆ มองผนัง มองต้นหญ้า มองทีวี (ดูอะไรไม่รู้) มองแมว มองพื้น ไม่อยากขยับตัวทำอะไร

นั่งคิดว่าหลายอย่างเปลี่ยนไปในช่วงเวลาที่ฉันไปใช้ชีวิตที่ศูนย์ฯ จนน่าตกใจ อย่างหนึ่งคืออากาศร้อนระอุจนทำให้คิดถึงแอร์เย็นๆ ที่ศูนย์

สงสัยปีนี้ต้องติดแอร์แล้วล่ะ เงินที่ขายของได้ปีนี้คงหมดไปกับแอร์แน่นอนเลย

ความคิดเห็น