ตามชื่อเรื่องนั่นเลย "อาชญากรรม" เรื่องราว 11 เรื่องสั้นประกอบด้วยอาชญากรรมต่างๆ กันไป ไม่ใช่เรื่องสั้นฆาตกรรมหักมุม แต่เป็นเรื่องราวชีวิตของคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรมที่เล่าผ่านมุมมองของทนายจำเลย
ผู้เขียนเล่าเรื่องเหมือนกับเข้าไปอยู่ในหัวของคนที่เกี่ยวข้อง จนรับรู้และเข้าใจได้ถึงความรู้สึกของคนๆ นั้น และเกิดความเห็นใจในชะตากรรมที่เกิดขึ้น แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ก่อให้เกิดคดีอาชญากรรม
นอกจากนั้นเรายังได้เรียนรู้ถึงกระบวนการยุติธรรมในอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยรู้ ทั้งในมุมของผู้พิพากษา อัยการ และทนายจำเลย บางเรื่องผู้เขียนบอกว่าคดีต่างๆ ในชีวิตจริงน่ะไม่ได้ไขได้ง่ายเหมือนที่เห็นในหนัง มันซับซ้อนกว่ามาก
หนังสือดีๆ จากสำนักพิมพ์ รหัสคดี แปลจากภาษาเยอรมัน เขียนโดย แฟร์ดินันด์ ฟอน ชีรัค แปลโดยเฉิดฉวี แสงจันทร์ บรรณาธิการโดยเรืองเดช จันทรคีรี พิมพ์ในโครงการมาตรฐานวรรณกรรมพิมพ์จำกัด (มวจ.) ลำดับที่ 17
เล่มนี้เป็นเล่มปกแข็งที่สั่งจองล่วงหน้า ไปรับในงานสัปดาห์หนังสือ เพราะยังไงก็ต้องไปนั่งไปเดินในงานอยู่แล้ว ไม่อยากนั่งรอชะตากรรมอยู่ที่บ้าน ไม่รู้วันเวลาที่ทางปณ.จะมาส่ง
.................
ด้วยวัยนี้บ่อยครั้งที่การออกนอกบ้านถือเป็นภาระที่หนักหนาสาหัส กลับบ้านมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ และอ่อนเพลียไปอีกหลายวันกว่าจะเข้าที่ เพราะฉันเดินทางด้วยรถเมล์ ถ้าขับรถไปเองก็เหนื่อย เหนื่อยกับการหลงทางและหาที่จอดรถ แท็กซี่ก็ไม่ชอบ บางครั้งการสั่งซื้อของทางปณ.ถือเป็นทางเลือกที่ดี แทนการต้องไปตระเวนหาร้าน แล้วยังต้องเล่น 20 คำใบ้เพื่อบอกลักษณะของสินค้าที่ต้องการซื้อ แล้วเหนื่อยกับแดดร้อนของหนักเดินทางกลับบ้านไกล ฯลฯ
แต่ก็ต้องมาเหนื่อยใจกับปณ.บ่อย ต้องรอร้อรอ กันเป็นวันๆ ไปไหนก็ไม่ได้ กลัวแอบมาตอนเข้าห้องน้ำ หรือตอนหลับกลางวัน ส่วนเรื่องสินค้าเสียหายยังไม่เคยเจอกับสินค้าลงทะเบียนหรือ EMS
.................
ตอนอ่านเล่มนี้ไปได้ค่อนเล่มก็ชักไม่อยากอ่านสักเท่าไร เรื่องก็คือกลัวจบเร็วนะเอง แต่ถ้าไม่จบเล่มสิ่งที่จะตามมาก็คือ ฉันจะคอยหยิบเล่มนี้มาอ่านตลอดเวลา งานการไม่ได้ทำ ก็เลยต้องตะลุยอ่านจนจบให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
คิดถึงตอนเป็นเด็ก ฉันอ่านหนังสือเยอะพอสมควร ไม่มากนักถ้าเทียบกับคนอื่น เพิ่งมารู้ว่าเพราะฉันอ่านหนังสือช้า คอยแต่ละเลียดแต่ละประโยคไปทีละน้อย ฉันอ่านได้ทุกที่ บนรถเมล์ถือเป็นที่โปรด เพราะช่วงรถติดจะมีอะไรดีไปกว่าการอ่าน และ... การนอน (ฮา) อ่านในร้านอาหาร อ่านก่อนนอน จนเริ่มซาลงช่วงทำงาน
และอารมณ์อยากอ่านก็น้อยลงมากที่สุดก็ตอนที่แก่ตัว เริ่มสายตายาวและต้องใส่แว่น ความอยากอ่านเหือดหาย การหยิบหนังสือมาอ่านบนรถเมล์ช่างยุ่งยากเพราะต้องพ่วงแว่นสายตามาด้วย แถมหลังๆ เจอหนังสือไม่สนุกหลายเล่ม จนเริ่มลังเลกว่าจะซื้อหาหนังสือแต่ละเล่มมาอ่าน ก็ราคาใช่ถูก
มาเริ่มกลับมาอ่านเยอะอีกครั้งเมื่อตอนงานมหกรรมหนังสือฯ เดือนตุลา 58 ที่ไปเจอขุมทรัพย์หนังสือราคา 50 บาท ประมาณว่าซื้อมาอ่านไม่สนุกก็โยนทิ้งได้ไม่เสียดายมากนัก (แต่ก็ยังเสียดายอยู่) และพยายามหาเวลาอ่านจนเกือบไม่ได้ทำงานอื่นเลย (ดีมั้ยเนี่ย)
งานสัปดาห์หนังสือฯ 59 ปีนี้ได้หนังสือมาอีกจำนวนหนึ่ง หลายเล่มออกใหม่ลดแค่ 20% แต่ก็ได้หลายเล่มที่ราคาถูกจนอดไม่ได้ที่จะซื้อ ที่หมดเยอะที่สุดน่าจะเป็นสมุดบันทึก ขนซื้อมากันเยอะแยะ จะใช้หมดก่อนตายมั้ยเนี่ย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น