Travelers อนาคตยังไม่ถูกกำหนด


เปิดเข้าไปดูแบบไม่ได้ตั้งใจ คือดูซีรี่ส์บน Netflix กับ HBO Go จนไม่รู้จะดูอะไรแล้ว ส่วนใหญ่แนวที่ฉันดูจะเป็นแนวสืบสวนหรือลึกลับหนักไปทางดาร์คๆ หนักๆ ไม่เอาคนมาทะเลาะกันแบบไร้สาระ ดูกันจนแทบหมด บางเรื่องเปิดไปดู 1-2 ตอนก็เลิก เพราะเห็นแล้วว่าถ้าดูไปก็จะมัวแต่จับผิดช่องโหว่ในบทที่น่าอึดอัดไร้สาระ หรือเจอกับตัวละครที่ทำตัวน่ารำคาญจนฉันหงุดหงิด

Travelers เรื่องย่อประมาณว่าคนจากโลกอนาคตที่ถูกส่งตัวมาอยู่ในร่างของคนในยุคศตวรรษที่ 21 เพื่อช่วยโลกไม่ให้พบกับภัยพิบัติที่ทำลายโลก --เอาจริงก็คือไม่ใช่แนวที่ชอบเลย แต่ก็นะ ไม่ได้ดูอะไรมานาน ดูๆ ไปละกัน

พอดูไปได้ 2-3 ตอนกลับไม่น่าเบื่อเลย แต่ก็ไม่ได้ติดตามมากมาย 

ต่อมา... 

จากที่ดูวันละ 1-2 ตอน ก็ค่อยๆ เพิ่มเป็นวันละ 3-4 ตอน บางวันถึง 5 ตอนก็มี นั่นคือติดแล้วล่ะ ดูจบมาได้สักอาทิตย์นึงแล้ว แต่ก็ยังอาลัยอาวรณ์อยู่กับตัวละครบางตัว และยังหาเรื่องอื่นมาแทนไม่ได้เลย

เกี่ยวกับซีรี่ส์นิดหน่อย

Travelers เป็นซีรี่ส์สัญชาติแคนาดา-อเมริกัน สร้างโดยแบรด ไรท์ เริ่มฉายในปี 2016 และมาจบในปี 2018 รวมทั้งหมด 3 ซีซัน

ซีซัน 1 กับ 2 มีซีซันละ 12 ep ส่วนซีซันสุดท้ายมี 10 ep รวมทั้งหมด 34 ep


ในส่วนของเนื้อเรื่องและตัวละครบางตัว

ในโลกอนาคตของเรื่องนี้ ได้เกิดเทคโนโลยีที่ช่วยส่งจิตของคนในยุคนั้นมาไว้ในร่างของมนุษย์ที่ถึงคราวตายในยุคศตวรรษที่ 21 คนที่เดินทางมาจะมีหน้าที่ต้องช่วยปกป้องภัยพิบัติไม่ให้เกิดขึ้นกับโลกนี้

คนพวกนี้จะถูกส่งมาเป็นทีม ทีมละ 5 คน คนที่ถูกส่งมาไม่มีชื่อ จะมีตัวเลขแทนชื่อ ได้แก่

3468 หัวหน้าทีม อยู่ในร่างของ แกรนต์ แมคลาแรนซ์ (อ่านว่า แมค-คลา-แรนซ์) หรือ แมค ในโลกศตวรรษที่ 21 เขาคือเจ้าหน้าที่ FBI แต่งงานกับแคทเธอลีน 

3569 แพทย์ ในร่างของมาร์ซี่ วอร์ตัน หญิงสมองพิการ ที่อยู่ในการดูแลของ เดวิด เมลเลอร์

3465 นักกลยุทธหรือทหาร ในร่างของคาร์ลี่ แชนนอน แม่เลี้ยงเดี่ยว อดีตสามีเป็นตำรวจที่ชอบทำร้ายเมียตัวเอง ชื่อว่าเจฟ คอนนิเคอร์

0115 วิศวกร อายุมากมาย ได้มาอยู่ในร่างเด็กไฮสคูล เทรเวอร์ โฮลเดน 

3326 นักประวัติศาสตร์ ในร่างของ ฟิลลิป เพียร์สัน หนุ่มมหาลัย ติดเฮโรอิน คนนี้ทำหน้าที่สำคัญในเรื่องคอยจดจำเหตุการณ์สำคัญในยุคนี้ รวมถึงหน้าที่หาเงินทุนสนับสนุนการทำงาน นั่นคือ เงินจากลอตเตอรี่ และม้าแข่ง

(ภาพด้านขวา) จากซ้าย คาร์ลี่, แมค, เทรเวอร์, มาร์ซี่, ฟิลลิป

นอกจากหน้าที่ของตัวเอง ทุกคนมีความสามารถในด้านการต่อสู้เหมือนกันทุกคน

ตัวเลขประจำตัวก็ไม่ได้มั่วๆ มา ถ้าดูไปเรื่อยๆ จะเห็นว่า ตัวเลขนำหน้าน่าจะหมายถึงแต่ละ Gen เราจึงเห็นว่าเทรเวอร์ มีเลข 0 นั่นหมายถึงเขามีวัยที่แก่ชรามากกกก เมื่อดูๆ ไปก็จะเห็นนักเดินทางจากอนาคตมีเลขนำหน้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 4-5-6-7-8

นักเดินทางเหล่านี้จะมีกันอยู่หลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็จะมีทีมงานประมาณนี้ คอยทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยหัวหน้าหรือไดเรคเตอร์จะส่งข่าวผ่านทางเด็ก นักเดินทางบางคนก็ถูกส่งมาแบบไม่มีทีม แต่ให้มาทำหน้าที่อะไรสักอย่าง เช่น ภารกิจพลีชีพ แทบจะทุกคนอุทิศตนให้กับการทำงาน แต่ก็มีบางคนที่ทรยศ ซึ่งก็จะถูกกลุ่มนักเดินทางสอบสวนและตัดสินโทษกันไป

ในเรื่องไม่ได้บอกว่านักเดินทางมาจากปีไหน แต่เราจะเห็นว่านักเดินทางทุกคนเมื่อได้มาอยู่ในยุค ศตวรรษที่ 21 แล้ว จะตอบสนองกับสิ่งแวดล้อมด้วยความประหลาดใจ ชื่นชม ยินดี กับทุกสิ่งที่รายล้อมรอบตัวเรา ทั้งเรื่องสัตว์ ต้นไม้ อาหาร น้ำ และสิ่งต่างๆ สื่อให้เห็นว่าในอนาคตทุกสิ่งต้องเลวร้ายมากๆ และยุค 21 ก็คือสวรรค์สำหรับพวกเขา

เมื่อมนุษย์อนาคตเข้ามาสิงในร่างของคนยุค 21 ก็จะพบว่าแต่ละร่างต่างก็มีปัญหาของตัวเอง เช่น ฟิลลิป ร่างเป็นคนติดยา ดังนั้นเขาจึงมีปัญหาเรื่องของเฮโรอีนมาตลอด ใครที่ป่วยก็จะป่วยตายไป นอกจากนั้นทุกคนต่างมีคนสนิทรอบตัว ทั้งคนในครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่ทำงาน ดังนั้นความสามารถในการจัดการกับภารกิจจึงยากตามไปด้วย ไม่ว่าจะต้องเลี้ยงลูก ต้องคอยโกหกเมีย ฯลฯ ปัญหาเยอะจริงน้อ

เรื่องราวดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ภารกิจที่พวกเขาได้รับมาในตอนเริ่มต้นสำเร็จไปตั้งแต่ตอนกลางๆ ซีซันแรกด้วยซ้ำ แต่จากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินไปทางที่บอกว่า อนาคตได้เปลี่ยนแปลงไป เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นที่ต่างจากตอนที่พวกเขาถูกส่งตัวมา และโลกก็ยังไม่พ้นภัยพิบัติ

เรื่องนี้จบแค่ซีซัน 3 ที่ดูเหมือนจะเป็นบทสรุปของทุกสิ่งที่ต้องแก้ไข หรือถูกตัดจบเองก็ไม่อาจรู้ได้

กฎต่างๆ

ใน Travelers จะมีการอ้างอิงกฎต่างๆ ของนักเดินทาง หรือเรียกว่า โพรโตคอล ดูไปดูมา ฉันก็จำไม่ค่อยได้แล้วว่าแต่ละโพรโตคอลว่าไว้อย่างไรบ้าง ก็เลยเอามาสรุปให้ดูกัน 

ข้อ 1 ภารกิจสำคัญที่สุด

ข้อ 2 ปล่อยวางอนาคตไว้เบื้องหลัง (ในภาษาอังกฤษคือ Leave the future in the past) น่าจะหมายถึงให้นักเดินทางทิ้งตัวตนของตัวเองในอนาคตไป ใช้ชีวิตปัจจุบันของร่างนั้น

ข้อ 3 ไม่ฆ่าคน ไม่ช่วยชีวิตคน อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว เว้นแต่จะได้รับคำสั่งโดยตรง 

ข้อ 4 ไม่มีลูก

ข้อ 5 ถ้าไม่ได้รับคำสั่งใดๆ ก็ให้ใช้ชีวิตไปตามเดิมของเจ้าของร่างนั้น

ข้อ 6 อย่าสื่อสารกับนักเดินทางคนอื่นนอกทีม เว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากไดเรคเตอร์ (หรือหัวหน้าใหญ่) 

นอกจากนั้นยังมีโพรโตคอล 3 ข้อที่ไดเรคเตอร์จะส่งมาให้ในสถานการณ์พิเศษ นั่นคือ

โพรโตคอลอัลฟ่า หยุดโพรโตคอลอื่นๆ ชั่วคราวหากว่าจำเป็นต้องบรรลุภารกิจสำคัญสูงสุดโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด

โพรโตคอลเอพซิลอน นำมาใช้เมื่อหอจดหมายเหตุ (archives) ของนักเดินทางตกอยู่ในอันตราย

โพรโตคอลโอเมก้า ยกเลิกโพรโตคอลอื่นเป็นการถาวร เมื่อไดเรคเตอร์ตัดหางปล่อยวัดนักเดินทาง เพราะอนาคตอาจจะได้รับการแก้ไขแล้วหรือดูแล้วว่าแก้ไขไม่ได้อีกต่อไป

(แปลจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Travelers_(TV_series) ตามความสามารถเท่าที่มีอยู่ทั้งหมด 5555)

การปกป้องมนุษยชาติ

ได้ดูหนังหรือซีรีส์ หรืออ่านหนังสือ หรือแม้แต่ชีวิตจริง บ่อยครั้งก็มักจะมีเงื่อนไขบางอย่างที่คนเรามักจะพยายามป้องป้องหรือหามาครอบครอง 

เช่น ความต้องการอยากมีลูกมากๆ แม้ว่าจะไม่มีความพร้อมทั้งในเรื่องของสภาพชีวิต (เรื่องเงินทอง ความเป็นอยู่) หรือแม้แต่สุขภาพ ที่โรคบางอย่างอาจถ่ายทอดไปสู่ลูกได้ เรื่องนี้ไม่เข้าใจจริงๆ อาจเพราะฉันไม่รักเด็ก แต่แม้จะรักหมาแมว มาถึงอายุขนาดฉัน ตอนนี้ก็จะไม่รับหมาแมวที่ไหนมาเลี้ยง (แม้แต่ต้นไม้) แม้ว่าจะอยากมากๆ แค่ไหนก็ตาม เพราะดูแล้ว ถ้าฉันตายก่อนพวกมัน พวกมันก็คงจะลำบากแน่นอน 

เคยดูข่าวที่มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 60 ปี (ข่าวต่างประเทศ) ปลอมอายุไปทำกิฟต์จนมีลูก แล้วผ่านไปไม่นาน แม่ก็เสียชีวิต ก็เกิดคำถามในใจฉันว่า แล้วลูกล่ะ จะอยู่ยังไง ส่วนอีกข่าวพ่อแม่เป็น AIDS แต่อยากมีลูกมาก แล้วไปเสี่ยงเอาว่าลูกจะเป็น AIDS หรือเปล่า เฮ้อ...เข้าใจยากจัง

ความต้องการอยากรู้จักพ่อแม่ที่แท้จริง เรื่องนี้ก็เป็นเงื่อนไขในหนังหลายเรื่อง จนนึกสงสัยว่าพ่อแม่ที่อุ้มชูเลี้ยงดูมาจนโตด้วยความรัก ไม่เพียงพอและไม่สำคัญสำหรับเขางั้นหรือ จนต้องพยายามค้นหาพ่อแม่แท้ๆ ที่ไม่ได้ต้องการเลี้ยงพวกเขาเลย ...เรื่องเกินประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง และไม่รู้จะไปถามใคร

การปกป้องมนุษยชาติ เรื่องนี้ก็ไม่เข้าใจสุดๆ หนังหลายเรื่องจำนวนมากมาย เงื่อนไขก็คือรักษาชีวิตมนุษย์ไว้ไม่ให้สูญสลายหายไปจากโลก แต่นะ... ในหนังสือ เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ บอกไว้ว่ามนุษย์เราเนี่ยแหละที่เป็นตัวการทำลายชีวิตของสัตว์ร่วมโลกมากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมานับแต่เริ่มมีชีวิตบนโลกใบนี้ ฉันเองก็คิดว่าบางทีถ้ามนุษย์สูญพันธุ์ไป โลกอาจดีขึ้นก็ได้

อย่างในเรื่อง Travelers มีประเด็นที่ว่าไม่ว่าจะพยายามแก้ไขความผิดพลาดในอดีตมากแค่ไหน อนาคตของโลกก็ยังเลวร้ายอยู่เช่นเดิม นั่นก็เพราะว่ามนุษย์ก็คือมนุษย์ พร้อมที่จะทำผิดพลาดได้เสมอ และอย่างเลวร้ายที่สุดอีกด้วย มนุษย์นี่แหละที่ฉลาดที่สุด โหดเหี้ยมที่สุด เห็นแก่ตัวที่สุด และเป็นตัวทำลายโลกที่รุนแรงที่สุดในบรรดาทั้งหมด

กระนั้นในเรื่องก็มีมนุษย์อีกจำพวกที่เป็นคนดีงามมากๆ นั่นคือ เดวิด เมลเลอร์ (แฟนของมาร์ซี่) เป็นคนดีในทุกอย่าง ในเว็บของต่างประเทศเขาเขียนถึงเดวิดไว้น่าสนใจมาก เขาบอกว่าในโปสเตอร์ของ Travelers ประกอบด้วยตัวละครทุกคนที่เป็นนักเดินทาง ยกเว้นเดวิดที่เป็นมนุษย์ปัจจุบันคนเดียว

ราวกับว่าเขาเป็นแกนหลักของความดีงามทั้งหมดของมนุษย์ในโลกนี้ที่สมควรถูกปกป้องไว้มากที่สุด 

ซ้ายสุดคือเดวิดที่เป็นคนเดียวในนี้ที่ไม่ใช่นักเดินทาง

รูปนี้ก็เช่นกัน


มาสปอยล์กันเถอะ

คงอึดอัดใจมากถ้าไม่ได้สปอยล์ Travelers กับบล็อคของตัวเอง

.

.

.

.

.

.

.

.

.

เอาล่ะน้า

.

.

.

.

.

.

.

ถ้าให้เรียงลำดับตัวละครที่ชอบก็คือ เดวิด เทรเวอร์ และมาร์ซี่ ดูไปช่วงหลังก็เริ่มคิดว่าถ้าไดเรคเตอร์ฆ่าตัวละคร 3 ตัวนี้จะโกรธมาก และใน 4 อีพีสุดท้าย ก็ช่างทำร้ายจิตใจกันที่สุด 



ใน ep ที่ 31 ตอน Trever ไดเรคเตอร์เกือบจะยุติชีวิตของเทรเวอร์อันเนื่องมาจากความบกพร่องในการส่งจิตย้อนเวลา แต่ก็รอด





ในตอนท้ายของ ep 32 ต่อด้วย ep 33 เดวิดตาย เสียใจมากๆ จนไม่คิดเลยว่าฉันจะอินกับตัวละครไหนมากขนาดนี้เลย เพราะทั้งหมดทั้งมวลที่ดูสนุกมากๆ ก็คือตอนที่มีเดวิด ถ้ามีต่อซีซัน 4 แล้วไม่มีเดวิด ก็คงไม่ดู (มั้ง) (เหมือนเรื่อง  House Of Cards นั่นก็หมดสนุกในซีซันสุดท้ายที่ไม่มีฟรานซิส อันเดอร์วู๊ด ดูไปไม่จบตอนแรกของซีซันสุดท้ายด้วยซ้ำไป)





และ ep 34 สุดท้ายก็ให้มาร์ซี่ตายไปอีกคน แล้วก็จบซีรี่ส์ชุดนี้ แต่สมองยังคงคิดวนเวียนไม่ยอมจบ จนต้องมาเขียนบล็อคนี่แหละ

ส่วนตัวละครที่เหมือนจะน่ารำคาญ แต่เอาเข้าจริงๆ แลจะฮาๆ ซะมากกว่า นั่นคือ เกรซ เป็นนักเดินทางหมายเลข 0027 ที่มาเข้าร่างครูแนะแนวของเทรเวอร์ มาแนวคนเก่ง หลงตัวเอง และช่างพูดประชดประชัน เสียดสี

เกรซคือคนซ้าย

คู่นี้น่ารักที่สุด เดวิดกับมาร์ซี่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Lost บทสรุปและ..สปอยล์...เขียนไว้เตือนความจำตัวเอง

You Should Have Left (2020) : บ้านคือภาพสะท้อนของหัวใจ