เจ้าเหมียวเมื่อมาอยู่กับคนที่ตามใจแมวอย่างฉัน จึงทำให้มันกลายเป็นแมวหงุดหงิดเจ้าอารมณ์อย่างมาก
ฉันอยู่บ้านทำงานอิสระ (ซึ่งหมายถึงการเงินก็อิสระ มีกินบ้างไม่มีบ้าง) วันๆ ก็นั่งทำงานหาเงิน จึงใกล้ชิดกับเจ้าเหมียวมาก แรกๆ มันไม่ค่อยกล้าไปเดินนอกบ้าน มันก็สั่งให้ฉันเดินเป็นเพื่อนพามันไปนอกบ้าน โดยการวิ่งดักหน้าตอนฉันลุกจากโต๊ะทำงาน แล้วก็วิ่งนำไปทางประตูบ้าน สอนจนฉันเข้าใจ พามันออกไปเดินเล่น เป็นไม้กันหมาให้มัน
มันออกสำรวจอย่างสนอกสนใจไปซะทุกอย่าง ทั้งรองเท้าแตะ ใบไม้แห้ง เศษขยะ ดมอย่างพินิจพิเคราะห์ บางครั้งบางคราวก็จะล้มตัวลงนอนถูไถตัวไปกับพื้น เกลือกกลิ้งซะจนฝุ่นเลอะเทอะไปหมด มันก็เพลินของมันน่ะนะ แต่ไอ้เราสิ เบื่อเอามากๆ ไม่นานฉันก็เดินกลับบ้าน ทำให้มันต้องเลิกปฏิบัติภารกิจลงอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ไม่นานนักเมื่อมันเริ่มคุ้นเคยกับพื้นที่ มันจึงเริ่มออกไปวิ่งเล่นตามลำพังได้ ไปหาจิ้งจก จิ้งเหลน กิ้งก่า เล่นตามเรื่อง
กระนั้นบ่อยครั้งที่มันหาเพื่อนเล่นไม่ได้ มันก็หันมาหาคนรับใช้ส่วนตัว ฉันไม่ได้สังเกตว่าเจ้าเหมียวเริ่มกลายเป็นแมวขี้หงุดหงิดตั้งแต่เมื่อไร รู้แต่ว่าถ้ามันมานั่งมองหน้าอยู่ข้างๆ แล้วฉันยังนั่งทำงานต่อไปโดยไม่สนใจ มันก็จะเริ่มกระถดตัวถอยหลัง หูบิดลู่ไปข้างหลัง บิดตูดสัก 2-3 ครั้ง แล้วก็กระโจนตะปบต้นขาฉันโดยไม่ปรานี ผลก็คือรอยเล็บยาว 3-4 เส้นเป็นอย่างน้อยปรากฏให้เห็นทันตา

ตอนหลังเจ็บตัวจนเข็ด ฉันเริ่มจับสังเกตอาการนี้ได้ ดังนั้นก่อนที่มันจะกระโจน ฉันก็จะหันไปจับตัวมันไว้แล้วพามันไปเล่นสักพักจึงแอบกลับมาทำงาน วนเวียนกันอยู่อย่างนี้แหละ
แต่กับป๋า มันไม่ค่อยกล้าแหยม เพราะป๋าแกตีจริง ไม่มีตัวแสดงแทน ทั้งที่ป๋าน่ะตัวแกล้งแมวของแท้ ทั้งกลิ้งมันหงายท้องแล้วขย้ำพุง จับตัวมันถูพื้นเสมือนหนึ่งว่ามันเป็นผ้าถูพื้น จับขาหลังยกขึ้นให้มันเดินด้วยขาหน้าในท่าไถนา สารพัดจะแกล้ง พอมันเริ่มหงุดหงิดจะกระโจนเข้าใส่ ป๋าก็ทำมือห้ามเหมือนจะตี มันเลยหยุด ดังนั้นความหงุดหงิดทั้งหมดของมันจึงมาตกลงที่ฉันคนเดียว
ชวนแล้วไม่เล่นก็ตะปบ ให้อาหารช้าก็ตะปบ จับมาอุ้มตอนอารมณ์ไม่ดีก็ตะปบ นอนไม่หลับก็ตะปบ นั่งอยู่ดีๆ เกิดหงุดหงิดก็ลุกขึ้นมาตะปบ ฯลฯ บ่อยเข้าชักไม่ไหวเหมือนกันนะ เคยได้คุยกับป๋าว่าน่าจะหาเพื่อนให้มัน แต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก
คืนหนึ่งตอนไปขายของที่ตลาดนัดข้างห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถวบ้าน ฉันก็เกิดไปมองเห็นแมว 3 สีตัวหนึ่งกำลังวิ่งหนีคนที่ร้องเรียกมันอยู่ มันวิ่งหลบไปอยู่ในกองข้าวของที่อยู่ข้างประตูห้าง แต่พอฉันก้มลงเรียก มันกลับวิ่งออกมาหาฉัน เจ้าแมวตัวน้อยเดินขึ้นบนต้นขาฉัน เงยหน้าร้องเสียงแหบแห้งเรียกความสนใจ ฉันไม่ได้คิดอะไรมากนักนอกจากอุ้มมันกลับไปที่แผงขายของในตลาดนัด
เจ้านี่เป็นแมว 3 สีที่มีลักษณะคล้ายเจ้าเหมียวอยู่บ้าง แต่หางขอดเหลือครึ่งเดียว ตัวผ่ายผอมและสกปรก
ตอนนี้มันคงรู้ตัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับตัวเอง มันก็เลยดิ้นเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่มีทางชนะฉันไปได้หรอกเจ้าแมวน้อย เมื่อถึงแผงขายของป๋าก็จัดการหาซื้อปลาหมึกปิ้งมาให้มันกินอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมตั้งชื่อให้เสร็จสรรพว่า บุญทิ้ง วันนี้เลิกร้านเร็วหน่อย แล้วป๋าก็จับมันใส่เป้ ขึ้นมอ’ไซค์กลับบ้านโดยพลัน
เห็นป๋าเล่าว่าระหว่างทางมันร้องใหญ่เลย คงไม่รู้ชะตากรรมนั่นแหละ จริงๆ แล้วไอ้คนที่ไม่รู้ชะตากรรมก็คือฉันกับป๋านั่นเอง
และแล้วเจ้าแมวตัวเขลอะขี้มูกขี้ตาเกรอะกรังก็เข้ามาอยู่ในบ้าน มันนอนหมอบสงบเสงี่ยมอยู่ใต้โต๊ะคอม เนื่องจากเจ้าเหมียวหมอบขู่อยู่อีกมุมหนึ่งของบ้าน จากนั้นฝันร้ายเป็นเวลายาวนานเกือบ 1 สัปดาห์ก็เริ่มต้นขึ้น เจ้าเหมียวไม่ยอมรับเจ้าทิ้ง แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาขู่ ส่วนกลางวันเจ้าเหมียวก็หนีหายจากบ้าน ฉันแทบจะทึ้งผมตัวเองออกเป็นกระจุกๆ เลยทีเดียว โทษฐานเอาแมวตัวใหม่มาเลี้ยง
เช้าวันต่อมา ฉันจับเจ้า 3 สีบุญทิ้งไปอาบน้ำอาบท่าจนมันสะอาด กว่าจะเสร็จมันก็ดิ้นจนฉันเลอะเทอะแทนมัน แล้วจึงจับมันไปปล่อยกลางแดด ให้มันนั่งตากแดดพลางเลียเนื้อตัวอย่างตั้งอกตั้งใจ พอเจ้าทิ้งขนแห้งก็กลายเป็นแมวสะอาดสะอ้านน่ารักขึ้นมาทันตาเห็น แม้รูปร่างจะยังผ่ายผอมก็ตามที


หันกลับมาดูอาการของเจ้าเหมียวกันเสียหน่อย เรื่องของเรื่อง เจ้าเหมียวน่ะไม่เคยรู้จักสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่าแมวตัวอื่นนอกจากตัวเอง ละแวกบ้านก็มีแต่หมา มันคิดว่าตัวเองเป็นหมาหรือเปล่าก็ไม่รู้ เคยมีบางครั้งที่มีแมวหลงเข้ามา มันก็ออกไปไล่ตบเขาจนวิ่งหนีหายไป
(แต่ขอนินทาหน่อยเถอะ ไล่ตบเขาแบบแสร้งทำเป็นเก่ง พอวิ่งโก่งขนตัวพองนำหน้าไปสักพักก็หยุดหันมาดูว่าป๋ากับฉันตามมาหรือเปล่า พอเห็นกองหนุนตามมา มันก็วิ่งไล่เขาต่อ นี่ถ้าเขาหันกลับมาตบจริง จะสู้เขาได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย)
พอเจอเจ้าทิ้งเข้ามันก็เริ่มออกอาการสติแตก ตอนเช้าเปิดประตูบ้านปุ๊บ มันก็หายออกจากบ้านปั๊บ หายไปทั้งวัน ยกเว้นตอนกลับมากินอาหาร
ฝ่ายเจ้าทิ้ง เนื่องจากเป็นแมวตลาด การปรับตัวเข้ากับแมวตัวอื่นจึงไม่ใช่เรื่องยากนัก และเป็นตัวที่เริ่มเข้าหาพี่เหมียวเพื่อผูกมิตร แต่คงเข้าหาเร็วไปนิดอะนะ วันนั้นป๋ากลับมานอนตอนพักเที่ยง (ที่ทำงานอยู่ห่างไปไม่เกิน 200 เมตร)
เขานอนตะแคงบนพื้นขวางเป็นกำแพงสูง เจ้าทิ้งนอนหมอบอยู่ด้านหลังป๋าเงียบๆ ไม่นานนักเจ้าเหมียวก็เดินเข้ามาทางด้านหน้าของป๋า พลางสอดส่ายสายตาหาผู้บุกรุก พอไม่เห็นก็วางใจเริ่มผ่อนคลายนั่งลงตรงหน้าป๋าแล้วเริ่มเลียขน ฝ่ายเจ้าทิ้งรู้ว่าเจ้าเหมียวเข้ามาก็เลยจะชวนเล่น มันยกตัวสูงมาหน่อย โผล่หัวแอบดูพี่เหมียวนิดหนึ่ง ส่ายตูดดุ๊กดิ๊ก 2-3 ครั้งพอเป็นพิธี แล้วก็กระโจนข้ามตัวป๋าไปหาพี่เหมียว

ผลก็คือเจ้าเหมียวแหกปากร้องลั่นแล้วรีบวิ่งหนีออกจากบ้าน ปล่อยให้เจ้าทิ้งนั่งงงว่าพี่เหมียวเป็นไรไป
ในช่วง 5-6 วันแรกที่เจ้าทิ้งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ มันเริ่มกินอิ่ม นอนหลับ ในขณะที่เจ้าเหมียวกระสับกระส่าย หวาดหวั่น และหนีออกจากบ้านตลอดทั้งวัน พอเจอเจ้าทิ้งตอนเข้ามากินอาหาร ก็เอาแต่ขู่แฟ่ๆ ตลอด จนฉันแทบจะโขกหัวตัวเองตาย ตอนเจ้าทิ้งนอนหลับบนโต๊ะรีดผ้า เจ้าเหมียวก็มักชอบไปแอบดมๆ แล้วก็วิ่งหนี

แต่หลังจากนั้นอาการของเจ้าเหมียวก็เริ่มดีขึ้น มันเริ่มยอมรับการมีตัวตนอยู่ของเจ้าทิ้ง เริ่มเข้าหาโดยไม่ขู่ เริ่มหัดเล่นด้วย กลายเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกัน จนถึงขั้นสอนให้เจ้าทิ้งกลายเป็นแมวคุณหนูรักสะอาดไปจนได้ ทั้งที่แรกๆ เขลอะมากๆ ตอนหิวน้ำก็ไปเลียกินที่คอห่าน เวลาน้องทิ้งเข้าห้องน้ำแล้วไม่กลบ พี่เหมียวก็เดินเข้าไปร้องขู่สั่งสอนเล็กๆ แล้วเดินเข้าไปกลบทรายให้น้องทิ้ง

เจ้าเหมียวเริ่มเรียนรู้ที่จะเล่นกับแมวตัวอื่นอย่างสนุกสนาน น้องทิ้งก็ยอมพี่เหมียวไปซะทุกเรื่อง ความก้าวร้าวที่เจ้าเหมียวมีกับคนก็ลดลงจนไม่เหลือ และแล้วเจ้าบุญทิ้งก็กลายเป็นสมาชิกตัวที่ 2 ของบ้าน ด้วยลวดลายสีสันที่คล้ายกันมาก แม้ว่าจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่กระนั้นคนที่ไม่คุ้นเคยมักจำเจ้าสองตัวนี้สลับกันบ่อยๆ และกลายเป็นแมวแฝดที่รักกันมากๆ ทีเดียว
พี่เหมียวสั่งสอนน้องทิ้งจนกลายสภาพจากแมวขอทาน มาเป็นแมวคุณหนูได้อย่างสมใจคุณนายเหมียวเลยทีเดียว


ที่มาของเนื้อเรื่องคือหนังสือเล่มนี้ค่ะ ใช้เวลาเขียน+แก้+เขียน+แก้ ถึง 10 ปี กว่าจะสำเร็จเสร็จสิ้น เวอร์ชั่นอื่นๆ ก่อนหน้าก็ยังเก็บไว้ ภาพถ่ายสมัยก่อนก็ถ่ายโดยใช้กล้องฟิล์ม
ในหนังสือมีภาพถ่ายแต่เป็นภาพขาวดำ พอเอามาทำเว็บก็ใส่เป็นภาพสี และใส่ภาพเยอะๆ สมใจคนชอบเขียนเลยค่ะ
ติดตาม ep ต่อๆ ไปนะคะ พอจบเล่มก็จะต่อด้วยแมวตัวอื่นที่เหลือ ถ้า(เรา)ยังมีชีวิตอยู่ก็คิดว่าน่าจะเขียนไปได้เรื่อยๆ ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามผลงาน




ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น