แผ่นดินไหว 28 มีนา 68


วันนี้ตั้งใจไป Workshop ปักดอกกุหลาบ ที่นาถะ SOS ที่อาคารเล้าเป้งง้วน ถ.วิภาวดีรังสิต ไปสายนิดนึง ราว 5 นาที คนอื่นเขามากันแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่ม ที่ตั้งใจจะสั่งมัจฉะที่ร้าน ก็เลยเอาไว้ก่อน เกรงใจคนอื่น

ก็เริ่มทำไปสักพักเดียว กระดิ่งลมอันโตในร้านก็ดังทั้งที่ไม่มีลม แล้วรู้สึกเหมือนมึนหัว แต่ยังไม่รู้สึกแปลกนะ เพราะตอนใส่แว่นมักรู้สึกคล้ายๆ นี่ แต่มีคนทักว่าแผ่นดินไหวหรือเปล่า เราก็เลยเหวอไปหน่อย

ราว 3-4 วินาทีผ่านไป มีคนบอกว่าวิ่ง ทุกคนในกลุ่มก็ออกวิ่ง เราก็คว้ากระเป๋ากับโทรศัพท์ออกมาด้วย วิ่งออกมานอกตึก ตึกข้างๆ Oasis คนก็ออกมา ช่วงยืนดูสถานการณ์ยังรู้สึกพื้นไหวๆ ข้างใต้ เราก็พยายามติดต่อแฟน เป็นห่วงแมวที่บ้าน แต่โทรหาไม่ติดเลย

ยืนหน้าตึกก็ไม่มีใครรู้สึกปลอดภัย เพราะทางเท้าตรงนั้นไม่กว้างนักถ้าเทียบกับความสูงของตึก คนอื่นๆ ก็คิดแบบเดียวกัน คอยเฝ้ามองดูตึก

ผ่านไปเท่าไรจำไม่ได้ มีใครสักคนกรี๊ดขึ้นมา แล้วเสียงกรี๊ดอื่นๆ ก็ตามมา ทุกคนก็เฮกันวิ่งข้ามถนนวิภาวดีรังสิตกัน ทั้งที่ตัวเราเองก็ยังไม่เห็นอะไรผิดปกติ รถต้องหยุดให้ข้าม แผงกั้นก็สูง แต่ยังพอปีนได้ ระหว่างข้ามก็มีคนบอกใต้โทลเวย์ก็ไม่ปลอดภัย 555

เราพยายามวิ่งฉีกออกไปตรงที่คนไม่เยอะ กลัวช่วงชุลมุนคนเหยียบกัน

ข้ามไปอีกฝั่ง มีคนล้ม 2 คน มีคนเข้าไปช่วยกันหลายคน อีกฝั่งของตึกเล่าเป้งง้วนเป็นตึกไม่สูง แต่ละแวกนั้นทั้งตึกคอนโดทั้งตึกสำนักงาน สูงๆ ทั้งนั้น คนก็ออกมายืนกันเยอะมาก หลายคนยืนตากแดดเพราะไม่มีที่ร่ม

ระหว่างโทรหาคนโน้นคนนี้ เช็คข่าวกันให้วุ่น รู้สึกมีฝุ่นสีขาวปลิวมาตกบนโทรศัพท์ สักพักมีคนถามว่าฝุ่นอะไร เราก็นึกว่าฝุ่นจากอาคารไหนสักแห่งร้าว มารู้ตอนหลังว่าตึกถล่ม

สักพักก็คิดได้ว่าตรูจะยืนรออะไรตรงนี้ล่ะ กลับบ้านสิ — กลับยังไงอ่ะ รถไฟฟ้าสงสัยจะไม่เปิดแล้วล่ะถ้าไหวแรงขนาดนี้

ก็เริ่มเดินจากตรงนี้ อ้อมไปทางห้าแยกลาดพร้าว ข้ามไปฝั่งสวนสาธารณะจตุจักร ทางยาวโลด ภาพตอนน้ำท่วมปี 54 กลับมาเป็นฉากๆ

ช่วงเดินหิวน้ำมาก แต่ไม่มีร้านขายน้ำ เดินมาไกล เหนื่อย ร้อน ยืนรอรถเมล์ รถก็ติดมาก พอรถเมล์มาก็ขึ้นไปยืน ร้อน (รถแอร์) เบียดแน่น ปวดเข่า หิวน้ำ รถไม่ขยับ ผ่านไป 1 ชั่วโมง ยืนเช็คข่าวไปด้วย เงยหน้ามารถไปไม่ถึงไหน

ในใจนึกจะถึงบ้านกี่โมงเนี่ย หลายคนไม่ได้ขึ้นรถเมล์คันนี้เพราะแน่นจนเข้าไม่ได้ ได้แต่เอาใจช่วยเพราะเราเองก็จะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน

แฟนโทรมาว่าจะมารับ เราก็ห่วงเขาว่าอากาศร้อนมาก ขี่มอร์ไซค์มาจะไม่ไหว เลยบอกว่าจะหาทางกลับเอง

พอถึงช่วงดอนเมืองเราก็ลง หามอร์ไซค์วิน จะให้พาไปเอารถที่ BTS คปอ คนรอวินกันแถวยาว พอถึงคิวเรา มอร์ไซค์คันนั้นไม่ไป เอาล่ะสิตรู ดีที่มีอีกคัน เขาเห็นว่าคันของเราไม่ไป ก็เลยแลกผู้โดยสารกัน เขาพาเรามาจนถึงที่ จริงๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงทำเงินของเขาเลย แต่ก็ยังมาส่ง ค่ารถแพงหน่อยก็ต้องยอม แต่ทำไงได้ พูดถึงมันก็ไกลอยู่แหละ

ขับรถออกมา รถก็ติดอีก แต่ไม่เท่าไร ถึงบ้าน กินน้ำก่อนอย่างแรกเลย ตั้งแต่ 11.30 น. ถึง 16.30 น. 5 ชม.ที่ไม่ได้กินน้ำ สาหัสมาก

กลับบ้านมาฟังสถานการณ์ต่อ ถึงจะลำบากสาหัสไปบ้าง แต่เห็นคนอื่นลำบากกว่าเราอีก พี่ๆ หลานๆ กับเพื่อนหลายคนยังไม่ถึงบ้าน ฉันยังโชคดีที่ถึงบ้านแล้ว

เอาใจช่วยคนที่ติดอยู่ใต้ซากตึก เจ้าหน้าที่กู้ภัยทุกส่วน และคนอีกจำนวนมากที่กลับบ้านไม่ได้เพราะไม่มีรถ คนที่เข้าตึกคอนโดไม่ได้ ฯลฯ

ไม่ได้ร่ำลาอ.ที่มาสอน เพราะอยากกลับบ้านมาก

ทำได้แค่นี้เอง

บทส่งท้าย

แค่อยากหาเรื่องออกจากบ้านเพื่อมาเขียนบล็อกนี้ ก็ได้เรื่องเลย “เป็นไงล่ะ” แมวๆ ต่างสมน้ำหน้า

ฝั่งของแฟนที่ออกไปขี่ไรเดอร์ มาถึงห้างละแวกรังสิตคลอง 4 ที่เขามักไปสิงรับงาน เห็นคนวิ่งออกมาจากตึก ตอนแรกคิดว่าซ้อมไฟไหม้ พอถาม รปภ ถึงรู้เรื่อง รายนี้ก็กลับบ้านไปนอนสบาย อันนี้สมน้ำหน้าตัวเราเอง

วันนี้ไปไล่ดูข่าวอีกรอบ ประทับใจหน่วย K9 และหมากู้ภัยทั้งหลาย เข้าไปเป็นกำลังใจพวกเขาได้นะคะ

สิ่งที่อยากได้มากเมื่อวานนี้ ว่าแต่มันจะถึงบ้านมั้ย 30 กิโล 555

พิกัด

ความคิดเห็น