เมื่อวานนี้ได้ไปทำกิมจิผักชีกับบุลโกกิผักชีที่ ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลี เป็น workshop ฟรี ได้กิมจิกลับบ้านแล้วยังได้กินบุลโกกิหมูอร่อยๆ อีกด้วย
อาจารย์ยุน แดซุก
อาจารย์ที่มาสอนน่ารักมากค่ะ อาจารย์ยุน แดซุก เจ้าของร้านอาหารเกาหลีชื่อดัง เมียงคาใน Korea Town พูดไทยได้เยอะอยู่ และมีน้องทีมงานมาช่วยแปลส่วนที่เป็นเกาหลีให้กับคนไม่รู้เกาหลีอย่างเรา ศุกร์ก่อนหน้านี้อาจารย์ยุนมาสอนทำกิมจิจากผักไทย –เมนูยอนกึนแดกิมจิ(กิมจิสายบัว) และ ทเวจิโกกี ซูยุก(หมูตุ๋นเต้าเจี้ยวเกาหลี)
สำหรับรอบนี้ (ศุกร์ 14 มีนาคม 68) เป็นกิมจิผักชี กับ หมูบุลโกกิโรยหน้าผักชี

ในส่วนของกิมจิ งานส่วนใหญ่ทำไว้จนเกือบครบแล้ว ซึ่งก็คือการแช่ผักกาดในน้ำเกลือ และทำส่วนผสมสีแดงๆ ที่นำมาทาใบผักกาด (เรียกว่าอะไรไม่รู้ คือความรู้เรื่องเกาหลีมีน้อยมาก เน้นกินอย่างเดียว ไม่เน้นความรู้ค่ะ 555) ขอเรียกเครื่องหมักกิมจินะคะ (ดูจากเว็บอื่นเขาเรียกแบบนั้น)

พอเข้าห้องพวกเราก็ไปจับจองตามถาดของตัวเอง อาจารย์กับทีมงานก็มาแจกผักกาดที่แข่น้ำเกลือแล้วชิ้นใหญ่ให้กับกล่องพลาสติกใส่เครื่องหมักกิมจิ 1 กล่อง แล้วก็เรียกให้ไปมุงรอบโต๊ะกลาง เพื่อดูขั้นตอนการทำเครื่องหมักสีแดงๆ ว่าทำยังไง ใส่อะไรบ้าง ให้เรากลับไปทำเองที่บ้าน (มีชีตส่วนผสมแจกให้ทุกคนจ้า) แจกแจงละเอียดมาก อาจารย์ไม่ใส่ผงชูรส เราชอบแบบนี้เลยล่ะ ใครชอบกินแบบต้นฉบับ แวะที่ร้านของอาจารย์ได้เลยนะคะ

สาธิตเสร็จก็ปล่อยให้พวกเรากลับไปทำของตัวเองอันได้แก่ขั้นตอนสุดท้าย นั่นคือเอาเครื่องหมักมาทาบนใบผักกาดให้ทั่วถึง โดยมีผักชีเป็นส่วนประกอบหนึ่งในตอนทาใบผัก
จากนั้นก็กอบใบผักกาดหมักใส่ถุงพลาสติกแล้วมัดปากถุงด้วยหนังยาง เอากลับบ้านได้เลยค่ะ ขากลับบน BTS เราเอาใส่เป้ไว้ มีกลิ่นโชยออกมาอ่อนๆ ไม่รู้ว่าคนข้างๆ จะได้กลิ่นหรือเปล่า เราพยายามเอาแขนกดเป้ไว้ไม่ให้กลิ่นกระจาย เค้าขอโต๊ดดดด
พอเสร็จจากกิมจิ ก็มารวมมือกันทำหมูบุลโกกิผักชี กลุ่ม 3 คน มารวมตัวกันดูขั้นตอนหมักหมูกันที่โต๊ะกลางเช่นเคย หมักเสร็จก็เริ่มลงผัดในกระทะ กลิ่นหอมหวนไปทั่ว ระหว่างนี้อาจารย์ใจดี สั่งข้าวมาให้พวกเราได้กินกันกับหมู+กิมจิ ข้าวญี่ปุ่น หุงอร่อยหนึบกำลังดีเลยค่ะ กินกับหมูบุลโกกิอร๊อยอร่อย หมูนี่ไม่ได้กลับบ้าน แต่กินกันอิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้า

หลายคนที่มาเรียนกันรู้ภาษาเกาหลีในระดับหนึ่งเลย ส่วนเราน่ะเหรอ ว่ะฮ่าฮ่า ได้แค่คำทักทาย อันยองเซโอ (ดูจาก Running Man) มาเพื่อของกินอย่างเดียว
ปิดท้ายด้วยไอติมที่อาจารย์ซื้อมาเลี้ยงลูกๆ ของท่าน อิ่มอร่อย
ย้อนเวลากลับไปก่อนหน้าเข้าห้องเรียน
เรามาถึงก่อนเวลา ตอนแรกเน้นเดินเล่นใน Terminal 21 เพิ่งเข้าไปยลโฉมที่นี่เป็นครั้งแรก ทุกครั้งจะแค่ผ่านมาต่อรถ MRT/BTS โอ้ว นักท่องเที่ยวฝรั่งเยอะมาก ถึงกับนึกย้อนไปสมัยมัธยม ไปเที่ยวสมุยกับเพื่อน เดินลงหาด รู้สึกราวกับไปต่างประเทศ
ห้างใหญ่มาก วันที่มามีงาน Coffee ด้วย โซนของกินคนล้นหลาม ส่วนโซนเสื้อผ้าและของใช้ แลดูเงียบเหงา ยุคแห่งการกินจริงๆ ส่วนเราน่ะเหรอ เหอะ ไม่กินหรอก แพง 555
แล้วก็เดินมาที่ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลี ตั้งใจมาก่อนเวลาเพื่อมาชมดูภายในอาคาร ครั้งก่อนมาทำขนมไม่ได้ดูอะไรเลย รปภ.ที่นี่เป็นมิตรแนะนำสถานที่ดีมากค่ะ


ที่โถงชั้นล่างเขามีชุดประจำชาติเกาหลีให้แต่งเล่นกัน เราไม่ได้แต่ง ไปนั่งตรงโซนหนังสือ มีหนังสือเกาหลีแปลไทยเยอะมาก อ่านฟรี จากนั้นก็เดินไปชมชั้น 2 ซึ่งก็มีมุมหนังสือเด็กน่ารักๆ หลายเล่ม มุมชุดประจำชาติ มีตู้จัดแสดงธนู ภาพเขียน ผ้าปัก เครื่องประดับ พู่ห้อย และอื่นๆ ในห้องก็มีเครื่องดนตรี อุปกรณ์วาดรูปต่างๆ




ที่ชอบก็คือมี Photo Booth ให้เข้าไปถ่ายภาพได้ฟรี มีหรือจะพลาด 555 โชว์แค่นี้นะ ขอไม่ออกสื่อ คริคริ

ช่วงรอเข้าห้องสอนทำอาหาร เห็นมีคนกลุ่มหนึ่งมากันที่ชั้นล่าง กำลังแต่งชุดเกาหลีกันอย่างสนุกสนาน แต่งเสร็จก็ผลัดกันไปนั่งหน้าโต๊ะถ่ายภาพเหมือนออกมาจากซีรี่ส์เลยเชียว



ที่นี่เขามีสอนภาษาเกาหลี สอนทำอาหารเกาหลี และเกี่ยวกับวัฒนธรรมเกาหลีอีกหลายอย่าง ใครสนใจอยากสมัคร เข้ามาที่เฟสบุ๊คของเขาได้นะคะ ที่เพจเฟซบุ๊ค Korean Cultural Center in Thailand


ในการสมัครอาหารต้องอาศัยโชคและความไวในการลงทะเบียน เพราะคนสนใจสมัครเยอะมากกกกกก
ครั้งหน้าก็จะลงเรียนอีกแหละค่ะ ชอบของกินเขา ได้มาเที่ยวชมอีกด้วย ขอบคุณอาจารย์ยุน แดซุกและทีมงานทุกคนมากๆ ค่ะ รวมถึงเพื่อนร่วมเรียนที่ไม่รู้จักกันเลย แต่ร่วมกินกันเอร็ดอร่อย
ในส่วนของภาพถ่าย ขอไม่นำภาพที่มีภาพของคนอื่นมาโชว์นะคะ ขอแค่รูปของอาจารย์กับทีมงานค่ะ



ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น