หนังสือ สี่สัปดาห์ฉุกคิดเพราะชีวิตมีแค่สี่พันสัปดาห์ Meditations for Mortals อยากลองเปลี่ยนตัวเองดูบ้าง
นักเขียนคนนี้ โอลิเวอร์ เบิร์กแมน เคยมีหนังสือแปลไทยมาก่อนหน้านี้คือ ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์ เราไม่เคยได้อ่านนะ ช่วงก่อนเป็นช่วงที่เราชอบอ่านหนังสือแปลนิยายสืบสวน แนว How to เลยไม่ค่อยสนใจ มาตอนนี้เข้าสู่ยุค How to สำหรับตัวเราเอง เพิ่งจะมาสนใจปรับปรุงตัวเองเอาตอนแก่เนี่ยแหละ
ซื้อ สี่สัปดาห์ฉุกคิดเพราะชีวิตมีแค่สี่พันสัปดาห์ เล่มนี้มาจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ผ่านมา (เมษา 2568) อยากลองอ่านเพราะโปรยปกหลังว่าไว้ว่า
“…ชวนให้คุณเปิดใจรับความไม่สมบูรณ์แบบ ยืนหยัดต่อความจำกัดของชีวิต และให้ความสำคัญกับชีวิตตรงหน้า…”

หนึ่งในปัญหาของเราก็คือ ถ้าทำไม่ดีก็ไม่อยากทำ นั่นล่ะบุคคลผู้รักความสมบูรณ์แบบ (และไม่ลงมือทำอะไรเลย ว่ะ ฮ่า ฮ่า)
นักเขียนแนะนำว่าควรอ่านวันละ 1 บท ก็น่าจะเพื่อให้ซึมซับเนื้อหาวันละนิดแต่ได้คุณภาพ แต่เขาก็บอกว่าไม่บังคับ การอ่านก็แล้วแต่คน เราก็เลยอ่านวันละ 1-2 บท ตามสะดวก ไม่รีบเกินไป ไม่ช้าไปนัก
เนื้อหา สี่สัปดาห์ฉุกคิดเพราะชีวิตมีแค่สี่พันสัปดาห์ แบ่งออกเป็น 4 สัปดาห์
สัปดาห์แรกเรียนรู้เรื่องความจำกัดของชีวิต

- วันที่ 1 ปูทางให้เราเข้าใจว่าคนเราบ่อยครั้งที่มุ่งหวังความสมบูรณ์แบบจนไม่ทำอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การใช้ชีวิต หรือความสัมพันธ์
- วันที่ 2 เรื่องนี้ชอบมากเลย บางครั้งคนเราก็วางแผนโน่นนี่นั่นจนมากมายเพื่อจะทำอะไรสักอย่าง แล้วในที่สุดเมื่อพบว่าตัวเองไม่พร้อม ก็จะไม่ทำซะเลย จริงๆ แล้วหลายอย่างเราไม่ต้องใช้อะไรมากมาย แค่ “ลงมือทำ” ทำไปเลย น่าจะตรงกับแนวคิดในคอนเซปต์โฆษณา Just do it ของ Nike นักเขียนยกตัวอย่างเช่นการฝึกสมาธิ ที่บางคนต้องซื้อหนังสือมาอ่าน ซื้อเบาะมานั่ง ทั้งที่จริงๆ แล้วเราแค่นั่งลงทำสมาธิที่ไหนก็ได้แค่วันละ 5 นาที
- วันที่ 3 เป็นเรื่องของมูลค่าที่ต้องจ่ายเมื่อตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง บางครั้งการอ้อยอิ่งประวิงเวลาไม่ยอมตัดสินใจเลือกสักอย่าง มันทำให้ทุกอย่างค้างคา จิตใจว้าวุ่นอยู่แต่สิ่งที่ต้องเลือก เพราะทุกทางก็ย่อมมีข้อดีข้อเสียในตัวเอง แค่เลือกแล้วจ่ายค่าตอบแทน ก็จะยกภาระออกจากใจได้ในที่สุด
- วันที่ 4 เราเคยรู้สึกกันไหมว่าวันๆ หนึ่งเราต้องทำอะไรมากมาย เราพยายามจัดการเวลาเพื่อทำสิ่งต่างๆ ให้เสร็จสมบูรณ์ แต่มันก็ไม่เคยหมด เช่น เรื่องของการเช็คอีเมล์ มันก็จะมีมาทุกวัน ไม่มีลดลง เรามี To do list มากมายที่ไม่เคยได้ขีดฆ่าออก เขาก็แนะนำว่าบางทีเราควรเขียนสิ่งที่ทำเสร็จแทน เพื่อให้เราได้มีกำลังใจที่จะทำสิ่งต่อไป
กรณีของตัวเราก็คืองานบ้านกับจัดระเบียบบ้าน มันมีมาทุกวัน ยังไงก็ไม่หมดแน่นอน การรอจนทำงานบ้านเสร็จเพื่อมาทำงานอื่นที่ดูแล้วคงเป็นไปไม่ได้ เราต้องจัดสรรเวลาและจำกัดงานบ้านที่ต้องทำ บางอย่างที่ต้องทำทุกวันก็ทำให้เสร็จ บางอย่างก็ค่อยๆ ทำค่อยๆ จัดการ แล้วเอาตัวเองมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ทำงานที่ต้องทำ
- วันที่ 5 เรื่องของข้อมูลที่เอ่อล้นทางโลกออนไลน์ หรือหนังสือที่เราตั้งใจจะอ่าน มันเยอะมากมายจนยังไงซะชีวิตเราก็ทำได้ไม่ครบแน่
ต่อจากวันที่ 4 ได้เลย สำหรับเราคือการเตือนตัวเองด้วยว่าลดเวลาการใช้ FB จะดีมากเพราะบางวันที่เบื่อๆ เราก็จะเลื่อนดู FB จนหมดวัน ไม่ได้เลยสักงาน และเพิ่มของตัวเองลงไปอีกนอกเหนือจากรายการเนื้อหาในเว็บไซต์ที่น่าสนใจ ก็ยังมีหนังสือรออ่าน รายการหนัง+ซีรี่ส์ที่อยากดู รายการสิ่งที่อยากทำ ทั้งวาดรูป เขียนบล็อก (ที่นี่แหละ 555) ทำอาหาร มันมากมายมหาศาลจริงๆ เยอะจนบ่อยครั้งที่ท่วมท้น และส่งผลให้เราไม่อยากทำอะไรเลย
- วันที่ 6 เคยไหมที่เราเป็นทุกข์ไปกับเรื่องทุกข์ร้อนของคนอื่นที่อ่านเจอออนไลน์ โดยเฉพาะพวกที่ชอบสร้างดราม่า–อันนี้เสริมเองจ้า ในบทนี้บอกให้เราปล่อยวางเรื่องพวกนี้ ทุกข์ไปเราก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ บางคนอาจมองว่าเป็นความไร้น้ำใจ แต่เราคือมนุษย์ที่มีขีดจำกัดนะ
- วันที่ 7 เลิกกังวลในเรื่องอนาคต เพราะมันยังมาไม่ถึง และอาจมาไม่ถึงด้วยซ้ำ บทนี้ก็เป็นเรื่องของการปล่อยวาง ให้ตัวเองอยู่กับปัจจุบัน การกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงก็ไม่ช่วยอะไร ซ้ำยังสร้างภาระให้กับตัวเองในปัจจุบันอีกต่างหาก


สัปดาห์ที่ 2 – 4 ต้องลองไปหาอ่านเองนะคะ แนะนำเล่มนี้เลย
- ร้านนายอินทร์มีทั้งหนังสือเล่มและอีบุ๊ค
- Shopee นายอินทร์
- Lazada นายอินทร์
- ebook Pinto

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น