ดูเหมือนจะเป็นธรรมชาติของพวกแมวที่ชอบการปีนไต่ขึ้นที่สูง คงเพราะคิดว่าปลอดภัย
จำเมื่อวันแรกๆ ที่เจ้าเหมียวมาอยู่บ้านนี้ได้ มันยึดที่มั่นอยู่บนบันไดที่มองเห็นบ้านได้รอบทิศทาง ก็บ้านของเราน่ะเป็นบ้านหลังเล็กๆ เฉพาะห้องกลางไม่น่าจะเกิน 3 x 3 เมตร มีบันไดแปะติดผนังฝั่งห้องครัว เมื่อนั่งมองจากบันไดก็จะเห็นประตูหน้า-หลังที่วางตำแหน่งตรงกันได้อย่างชัดเจน รวมถึงมองเห็นห้องกลางได้ทั่วถึงในคราวเดียวกัน
เจ้าเหมียวมักชอบไปนั่งบนบันได โผล่หัวมาตรงช่องข้างราวบันได เฝ้าจับตามองเผื่อว่าจะมีหมาเข้ามาป้วนเปี้ยน มันดูจนแน่ใจว่าบ้านนี้ไม่มีหมาย่างกรายเข้ามา มันถึงได้ค่อยๆ ขยับขยายที่ทางมาครอบครองทุกส่วนของบ้าน และยึดไปหมดทั้งหลังในเวลาไม่นานนัก
หลังบ้านที่เราพักอยู่มีต้นมะยมสูงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง เป็นต้นมะยมที่ลูกดกมากแม้จะไม่มีใครดูแลจริงๆ จังๆ มีอยู่ปีหนึ่งลูกดกขนาดที่ว่ากิ่งของมันรับน้ำหนักไม่ไหวจนหักลงมาเลย ระยะหลังที่เจ้าเหมียวเริ่มออกไปเที่ยวนอกบ้านเองได้จนเชี่ยวชาญ มันก็มักชอบปีนขึ้นไปบนต้นมะยมนี้บ่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากวิ่งเล่นคึกได้ที่มันก็จะวิ่งพรวดขึ้นบนต้นมะยม ขึ้นไปสูงราว 2 เมตร แล้วก็ถึงเวลาร้องเรียกคนมาช่วยลงไป บางครั้งเหตุก็เกิดจากการที่เจ้าเหมียวโดนหมาวิ่งไล่ฟัดหนีขึ้นต้นไม้ก็บ่อย
เวลาเกิดเหตุมักเป็นช่วงกลางวันที่มีเพียงฉันอยู่บ้าน ดังนั้น ‘คน’ ที่มันเรียกก็คงต้องเป็นฉันอย่างไม่ต้องสงสัย มีบ้างเหมือนกันที่เป็นช่วงเย็นที่ป๋ากลับบ้านแล้ว แต่ชะตากรรมของป๋าดูจะไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับที่ฉันพบเจอ นั่นก็เพราะฉันไม่เชี่ยวในการปีนต้นไม้เท่าป๋า
ก่อนปีนฉันต้องยืนเล็งอยู่ด้านล่างว่าจะปีนขึ้นไปยังไง วางแผนกันซะถี่ถ้วนว่าจะปีนกิ่งไหนกิ่งแรก จับกิ่งไหนไว้ แล้วจะไปให้ถึงตัวเจ้าเหมียวได้ยังไง หลังจากปีนหลายครั้งฉันก็ไม่ต้องวางผงวางแผนอะไรแล้ว ปีนจนจะกลายเป็นลิงไปอีกตัว
เรื่องปีนขึ้นยังไม่ค่อยเท่าไร แต่พอถึงตัวเหมียวแล้วสิ หายนะจึงบังเกิด
พอปีนไปจนถึงตำแหน่งที่เจ้าเหมียวติดอยู่ ฉันต้องหาที่มั่นในการยืน แล้วปล่อยมือข้างหนึ่งเพื่อไปหยิบตัวเจ้าเหมียวจากกิ่งไม้ แต่เจ้าตัวดีก็เอากรงเล็บของทั้ง 4 ตีนเกาะไว้กับกิ่งมะยมอย่างแน่นหนา ไม่ว่าจะดึงยังไงก็ไม่หลุด จนต้องหาวิธีอื่น
ฉันต้องหามุมเหมาะ ๆ พิงหลังกับกิ่งไม้สักกิ่ง แล้วปล่อยอีกมือ (มือสุดท้าย) ที่เกาะอยู่บนกิ่งมะยมเพื่อไปแกะเล็บเจ้าเหมียวออก แกะตีนหลุดออกข้างหนึ่งแล้วก็ไปแกะตีนอีกข้าง ตีนข้างเดิมก็หันกลับไปเกาะเหมือนเดิม วนเวียนซ้ำซากจนอ่อนอกอ่อนใจ กัดฟันดึงตัวมันออกพร้อมกับแกะเล็บจนมันหลุดจากกิ่งไม้โดยพร้อมเพรียงกัน (ไม่งั้นคงไม่จบ)
พออุ้มจะปีนลง ตอนผ่านกิ่งอื่นในระยะเอื้อมถึงมันก็เอาตีนเกาะอีก ต้องแกะกันอีกรอบ จนต้องเอาพาดบ่า มันก็ยังอุตส่าห์เอื้อมไปเกาะกิ่งด้านหลังฉันอีกจนได้
กว่าจะปีนลงมาได้พร้อมตัวแมว ผมบนหัวฉันก็เป็นกระเซิง เหงื่อแตกซิก ฝุ่นเกาะพราวตามตัวเหมือนมีใครมาโรยกากเพชร เหนื่อยมากๆ
พอเจ้าเหมียวลงสู่พื้นดินโดยสวัสดิภาพ มันก็ออกไปวิ่งเล่นต่อ ไม่นานนักก็กลับมาขึ้นต้นมะยมอีก
| ห้างส่องสัตว์(อื่น) |
ป๋าน่ะปีนขึ้นต้นมะยมแค่ไม่กี่ครั้งก็เบื่อ เขาบอกว่า “มันขึ้นได้ก็ลงเองได้” แล้วก็จริง พอเราทำเป็นไม่สนใจ มันก็ลงมาเองจนได้ สรุปว่าฉันโดนแมวปั่นหัว พอพวกแมวมาอยู่กันครบ 3 ตัว การปีนก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น มันขึ้นทั้งต้นมะม่วง ต้นชมพู่ ต้นอะไรต่อมิอะไรที่อยู่รอบหมู่บ้านมันไปขึ้นมาเกือบหมด แล้วก็ ‘ลงได้เอง’
บางครั้งไม่ใช่ต้นไม้ก็ปีน
มีครั้งหนึ่งช่วงที่เจ้าเหมียวยังไม่กล้าออกมานอกบ้านตามลำพัง ฉันก็นึกว่ามันอยากชมวิวนอกบ้าน เลยอุ้มมันไปวางไว้บนกระโปรงหลังรถที่จอดไว้ข้างบ้าน ที่ตรงนั้นป๋าลงเสาไม้ไว้สูงกว่าตัวโรงจอด ขึงผ้าใบ (ขาด ๆ) กันฝนไว้ระดับเดียวกับชั้น 1 ของบ้าน รอทำหลังคาใหม่
หลังจากฉันเข้าบ้านไปไม่นานก็ออกมาดูเพราะเป็นห่วงมัน ก็ได้เห็นว่า…
มันปีนขึ้นไปอยู่บนยอดเสาที่น่าจะสูงราว 3 เมตร ได้แต่อึ้งปนตกใจ แล้วจะเอามันลงมายังไงล่ะทีนี้ บันไดก็ไม่มี
ฉันพยายามใช้สมองที่มีอยู่น้อยนิดคิดสร้างสรรค์สิ่งของช่วยปีน โดยเงื่อนไขคือต้องมีน้ำหนักเบาเพื่อแบกมาได้คนเดียว สูงพอที่จะขึ้นไปถึงตัวมัน และที่สำคัญต้องแข็งแรงพอจะรับน้ำหนักฉันได้ ที่เห็นก็คือโต๊ะไม้ยางตัวบอบบาง เป็นโต๊ะแบบพับได้ ขาไขว้กันเล็กจิ๊ดเดียว ตรงตามเงื่อนไขน้ำหนักเบาแต่ก็ยังสูงไม่พอ ฉันต้องกลับไปยกเก้าอี้ไม้กลม (แบบเก้าอี้ก๋วยเตี๋ยว) ออกมาอีก 1 ตัว มาวางซ้อนกัน
(ฉันมีนิสัยเสียอยู่อย่างนึง ไม่ค่อยชอบไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ชอบทำเอง ตายเป็นตาย 5555)
ฉันเอาโต๊ะวางชิดกับเสาไม้ โยกให้แน่ใจว่ามันวางบนพื้นที่เรียบเสมอกันแล้ว แล้วก็วางเก้าอี้กลมซ้อนไว้ด้านบน อืมมม เงื่อนไขที่ 2 สูงพอจะปีนไปรับแมวได้แล้ว แต่เงื่อนไขสุดท้ายคงต้องเสี่ยงกันละ
ถึงฉันจะไม่หนักมากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะเบาซะที่ไหน ถ้าโต๊ะหักหรือล้มลงมาฉันจะเป็นไง คิดได้แค่นี้ก็เริ่มปีนโดยใช้มือเกาะเสาไม้ไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้ม ไปทีละขั้นขึ้นโต๊ะแล้วก็ขึ้นเก้าอี้ จนถึงตัวแมวเหมียวร่างเพรียว ฉันใช้มือหนึ่งเกาะเสาให้มั่น แล้วก็ใช้อีกมือช้อนตรงพุง แล้วก็เหมือนเดิม มันใช้ 4 ตีนเกาะเสาไว้แน่น กว่าจะแกะออกก็เล่นเอาลุ้นละว่าบันไดลิงนี่จะล้มหรือเปล่า ในที่สุดหลังจากยื้อกันสักพักฉันก็ชนะ แล้วค่อยๆ พาตัวมันลงมา แล้วก็เหมือนเดิม มันวิ่งหนีไปอย่างสบายอกสบายใจ
จุดที่สูงที่สุดที่มันเคยขึ้นไปก็น่าจะเป็นบนหลังคาบ้านความสูง 2 ชั้น
ฉันไม่ใช่คนแรกที่เห็นหรอก เป็นป๋าที่เห็นแล้วเรียกฉันไปดู จึงได้เห็นเจ้าชูกับเจ้าเหมียววิ่งเล่นกันสนุกสนานบนหลังคาบ้าน โดยมีฉันเฝ้ามองอย่างใจหายใจคว่ำ มันขึ้นไปได้ยังไงน่ะเหรอ ข้าง ๆ บ้านเรามีต้นมะม่วงต้นสูงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง กิ่งมันสูงจนเลยหลังคา มีกิ่งหนึ่งวางพาดพอดีตรงหลังคา วันนั้นเราก็ได้แต่มองดูและเอาใจช่วยให้มันลงมาเองจนได้ ซึ่งเราก็รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ มันก็ไม่มีท่าทีว่าอยากจะลง จนเราต้องพักครึ่งกลับเข้าไปพักในบ้านหลังจากแหงนคอดูอยู่นาน จนเราลืมนั่นแหละมันถึงลงมา
เรื่องปีนขึ้นหลังคา นอกจากปีนเล่นเองแล้ว บางครั้งก็เกิดขึ้นเพราะเจ้าเหมียววิ่งไล่ตบเจ้าชูจนเลยเถิด
หลังคากลายเป็นที่เล่นของมันอยู่ 1-2 เดือน จนในที่สุดเราก็ต้องตัดกิ่งมะม่วงออกเพื่อตัดทางขึ้นหลังคา นั่นก็เพราะวันนั้นเราได้ยินเสียงเจ้าเหมียวร้อง “หง่าววววว หง่าววววว” ดังมาจากหลังคา วันนั้นลมหนาวพัดแรงจนกิ่งมะม่วงแกว่งไกวไปมา พอเจ้าเหมียวก้าวเท้าจะเหยียบลงบนกิ่ง ลมก็พัดกิ่งไม้ขยับไปทางอื่น มันต้องหดขากลับ เป็นอยู่หลายรอบจนมันต้องเรียกให้เราช่วย
ไอ้เราก็ไม่รู้จะช่วยยังไง สูงซะขนาดนั้น ที่โคนต้นก็มีน้อง ๆ 2 ตัว น้องชูกับน้องทิ้งมาคอยเป็นกำลังใจให้พี่เหมียวตลอดเวลา กว่าจะลงมาก็นานพอสมควร เป็นจังหวะที่ลมสงบลงพักหนึ่งให้มีเวลาได้ก้าวลงเกาะบนกิ่งมะม่วงได้ หลังจากนั้นป๋าจึงตัดกิ่งสูง ๆ ออกซะเลย
ส่วนเจ้าชูเองก็มีวีรกรรมกับที่สูงเกิดขึ้นในช่วงที่มันมาอยู่กับเราแรก ๆ เหตุเกิดตรงเหนือหน้าต่างหน้าบ้านซึ่งมีกันสาดแบบหล่อปูนถาวร ข้างๆ หน้าต่างก็เป็นกิ่งกระถินที่ปลูกไว้เป็นดง เจ้าชูคงเห็นตรงจุดนั้นเป็นที่เหมาะในการหลบพี่เหมียว
มันหลบนอนสบายใจ ฉันก็ไม่รู้ว่ามันขึ้นไปตรงนั้นได้ยังไง เห็นอีกทีก็ตอนตามหา เดินขึ้นไปหาบนระเบียงบ้าน มองไปเห็นมันนอนตัวดำอยู่ตรงกันสาดอย่างสุขี สันนิษฐานว่าจะกระโดดจากระเบียงนั่นแหละ ฉันเวียนมาดูมันบ่อยๆ ด้วยความเป็นห่วง
ตอนมาดูมันครั้งหลังสุด มันตื่นแล้ว กำลังหาทางจะลง เดินวนไปมาบนกันสาดสักพักก็ตัดสินใจก้าวลงเหยียบกิ่งกระถิน อืมมม กิ่งมันเล็กนะเจ้าชู ที่ฉันเห็นตอนนั้นก็คือมันพยายามเอาขาตะกายเกาะกิ่งเล็กๆ ของกระถินแต่ก็ไม่รอด มันร่วงแซก แซก แซก ผ่านกิ่งกระถินไปจนถึงพื้นดินโดยสวัสดิภาพ
และนั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฉันเห็นมันบนกันสาด คงเข็ดตอนร่วงลงล่ะสิเจ้าชู
| นึกว่าเลี้ยงลิง |
| เหมียวชมวิวบนระเบียงชั้น 2 |
อีกครั้งที่ใจหายมาก ตรงระเบียงชั้น 2 นี่แหละ ข้างๆ ห้องที่ออกระเบียงได้ เขาทำเป็นกรอบกระจกยาวจากเพดานถึงพื้นให้แสงเข้า ฉันมองเห็นเหมียวกำลังเดินบนขอบปูนของระเบียง ก็เลยจะเดินออกไปอุ้มมันเข้าบ้าน จู่ ๆ มันก็เอา 2 ขาหน้าตบไปบนกระจกที่มีจิ้งจกเกาะอยู่ แล้วฉันก็เห็นมันร่วงลงไป
ฉันกรี๊ดออกมาเลย เป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตที่ฉันตกใจจนใจสั่น รีบวิ่งลงไปดูมันที่ชั้นล่าง พอเห็นมันปลอดภัยก็อุ้มมันมาปลอบใจ
แต่ไม่รู้นะว่าปลอบใจใครระหว่างคนกับแมว เพราะตอนอุ้มเหมียวขึ้นมา มือกับขาฉันยังสั่นอยู่เลย
![]() |
| ตรงนี้แหละที่ร่วงลงมา |

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น