เรื่องเล่าจากหนังสือ 3 แมว 2 คน : EP 11 บ้านไหนก็บ้านของแมว


กลายเป็นเรื่องกล่าวขานกันจากปากหลายคน กับการที่แมวมีเจ้าของชอบไปสิงสถิตอยู่บ้านคนอื่น จนกลายเป็นบ้านของตัวเอง (อีกหลัง)

หมายเหตุ : ภาพประกอบแมว ๆ ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหา แค่อยากโชว์แมว อิอิ

วันหนึ่งเราได้ไปเยี่ยมบ้านหัวหน้าเก่าของป๋า เขามีแมวตัวหนึ่งอ้วนท้วนสมบูรณ์วิ่งไปมาในบ้าน เขาก็เล่าว่าแรกเริ่มมันไม่ใช่แมวของเขาหรอก เป็นแมวของเพื่อนบ้าน แต่มันก็ชอบเดินเข้ามานอนมากินในบ้านนี้ เจ้าของก็มาตามมันกลับบ้านบ่อยๆ จนตอนหลังเลิกมาตาม แล้วมันก็เลยย้ายบ้านเป็นการถาวรไปเลย

ส่วนเพื่อนอีกคนของฉัน สมมติว่าชื่อเอ ก็เล่าว่ามีแมวของเพื่อนบ้านชอบมาอยู่มากินที่บ้านของเขาเหมือนกัน กระทั่งมันถูกหมากัดจนบาดเจ็บหนีมาหลบที่บ้าน เอก็ใจดีพามันไปหาหมอ ออกทั้งค่ารักษาทั้งค่าพยาบาลดูแลเป็นการส่วนตัว แถมพอมันกลับมาก็มาอยู่บ้านเอ เอก็ต้องกลับจากทำงานเร็วทุกวันเพื่อพาแมวไปล้างแผล แล้วก็เก็บมันไว้ในบ้านช่วงรักษาตัวนี่แหละ พอถามถึงเจ้าของแมว (ตัวจริง) เอก็บอกว่าเขาไม่ค่อยอยู่บ้าน แล้วเขาก็ปล่อยแมวตามยถากรรม เอ่อ…สรุปว่ามันเป็นแมวของแกไปแล้วละเพื่อนเอ๋ย หลวมตัวไปแล้วก็ต้องเลยตามเลย

ไอ้ 3 เหมียวของฉันก็ประเภทเดียวกันนั่นแหละ แต่ว่าบ้านเพื่อนบ้านของเราอยู่ติดๆ กัน ไม่มีรั้วกั้น เดินถึงกันได้ไม่เกิน 10 ก้าว ดังนั้นมันก็เลยยังเป็นแมวของเราอยู่เหมือนเดิม เพราะไม่ได้ลำบากนักกับการไปตามมันกลับมา กระนั้นก็ยังมีวีรกรรมให้เหนื่อยใจอยู่บ่อยๆ

ในละแวกนั้นถ้าบ้านไหนไม่ห้ามเจ้าเหมียวเข้าไป มันก็ชอบเข้าไปเดินสำรวจ เห็นน้องคนหนึ่งเล่าว่ามันเปิดมุ้งเข้าไปเดินสำรวจกันเลยทีเดียว บางหลังเจ้าเหมียวเข้าไปติดนานทั้งวันเพราะเจ้าของบ้านไปเที่ยว มันร้องแทบขาดใจให้เราเอามันออกไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้เขากลับบ้าน

ส่วนครั้งที่ไม่ได้เห็นเองแต่มีคนเอามาบอกก็คือ เจ้าของบ้านปิดประตูออกไปกินข้าวกัน กลับบ้านมาเปิดประตูก็เห็นเจ้าเหมียวเดินนวยนาดออกมาเหมือนเป็นบ้านของตัวเองเลย

และที่เด็ดสุดคือ บ้านหนึ่งที่ 3 ตัวเข้าไปติดพร้อมกันนาน จนตัวใดตัวหนึ่งไปฝากกองอึไว้ที่บ้านเขา คงปวดจนทนไม่ไหว หม่าม้าเองก็ปวดใจไม่แพ้พวกแกเลยนะ

ในบรรดาบ้านทั้งหมด มีบ้านหลังหนึ่งถือเป็นสถานที่ยอดนิยมที่แมวมักชอบเข้าไปสำรวจ และติดอยู่ในบ้านเขาเป็นว่าเล่น

บ้านหลังนั้นอยู่ตรงข้ามกัน พี่เขาเป็นหนุ่มโสด (ขอเรียกว่าพี่หนึ่งละกัน) ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในห้องนอนชั้นบน แต่เนื่องจากเป็นหมู่บ้านคนกันเอง ตอนอยู่บ้านเขาก็จะเปิดประตูหน้าบ้านทิ้งไว้ แล้วก็ขึ้นห้องนอน เจ้าเหมียวจึงสบโอกาสที่จะเข้าไปสำรวจหาจิ้งจกในบ้านนั้นเป็นประจำ มักไปหลบนอนซุกอยู่ที่มุมโน้นซอกนี้ แล้วก็ติดอยู่ในบ้านเขาประจำเหมือนกัน ก็เพราะตอนที่พี่หนึ่งจะออกไปทำงานหรือไปกินข้าว หรือไปไหนต่อไหน เขาก็จะปิดล็อกประตูบ้านไว้

ตอนที่ยังมีเจ้าเหมียวแค่ตัวเดียว ฉันต้องตามเก็บแมวไว้ในบ้านก่อนออกไปทำธุระนอกบ้านเพราะกลัวหมาไล่ฟัด วันนั้นเรา 2 คนเที่ยวตามหากันจนหัวปั่น แล้วนั่น เห็นมันไปนั่งเจ๋ออยู่ตรงกระจกยาวที่ติดไว้จรดพื้นตรงหน้าห้องนอนชั้น 2 ของบ้านพี่หนึ่ง มันกำลังร้องเรียกให้พามันออกไปที

ถ้าพี่หนึ่งไปเข้าเวรเย็นที่ทำงาน ป๋าต้องไปขอยืมกุญแจมาเปิดให้มันออก หรือไม่ก็ต้องรอจนกว่าพี่เขาจะกลับจากกินข้าว เพื่อให้เขามาเปิดประตูปล่อยมันออกมา จนตอนหลังพี่หนึ่งต้องเช็กดูรอบๆ ก่อนปิดบ้านให้แน่ใจว่าไม่มีแมวติดอยู่ แต่ก็อีกนั่นแหละที่มันไปซุกที่ไหนสักแห่ง แล้วก็ติดกันอีกจนได้ โชคดีนะที่พี่เขาไม่ได้ไปไหนไกลหลาย ๆ วัน ไม่งั้นต้องของัดบ้านกันบ้างละ

เจ้าเหมียวชอบเข้าไปบ้านพี่หนึ่งจนฉันต้องจับตาดูมันตลอดวัน โต๊ะทำงานของฉันนั่งหันหลังให้ประตูที่พาไปบ้านพี่หนึ่ง ฉันต้องใช้กระจกวางไว้ข้างๆ คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์เพื่อจับยามสามตา (หลัง) เห็นมันเดินจะเข้าบ้านเขาเมื่อไรต้องวิ่งตามไปอุ้มกลับมา

ฉันวิ่งไปอุ้มมันกลับมาจนมันเริ่มรู้ตัว มีครั้งหนึ่งฉันกำลังมองผ่านกระจกเห็นไอ้อ้วนเหมียวกำลังนั่งมองบ้านพี่หนึ่งตาละห้อย สักพักมันเหลียวหลังกลับมาดูฉัน พอเห็นฉันหันหลังให้ มันคงนึกว่าฉันไม่เห็นละสิ แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปอย่างเงียบกริบ เท่านั้นแหละ ฉันก็รีบวิ่งไปอุ้มมันกลับมา ฮ่าฮ่า ต่อให้แกฉลาดยังไงก็ยังไม่เท่าคนหรอกไอ้อ้วน

แล้วเมื่อได้แมวมาครบสามก็ไปติดบ้านคนอื่นกันครบทั้ง 3 ตัวเช่นกัน

ครั้งนั้นเราเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ก็ฝากแมวไว้ให้น้องผู้หญิงคนหนึ่งช่วยดูให้นิดหน่อย เราไป 2 วัน 1 คืน คืนวันนั้นเรากลับมาดึกแล้ว พยายามควานหาแมวเท่าไรก็หาไม่เจอ ฝนก็ตก น้องผู้หญิงก็ไม่อยู่ เอาไงดีเนี่ย เราแยกย้ายกันไปเดินด้อมๆ มองๆ ตามหน้าต่างบ้านเพื่อนบ้านที่ไม่อยู่ในคืนนั้นแล้วก็ร้องหา

เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ หาอยู่สักพักใหญ่ๆ ถึงเริ่มได้ยินเสียง

เจ้าชูร้องมาจากบ้านพี่หนึ่ง ป๋าต้องขี่มอ’ไซค์ไปยืมกุญแจบ้านพี่หนึ่งมาเปิด โชคดีที่เขาเข้าเวรอยู่ที่ทำงาน เปิดออกมาอยู่ครบ 3 ตัวเลยครับท่าน

พี่หนึ่งบอกว่าเขาปล่อยให้มันอยู่หลบฝนในบ้านเองแหละ ป๋าสิโมโหเพราะเรียกแล้วไม่ยอมตอบ ปล่อยให้ตามหากันหัวฟู เลยโดนตีก้นเบา ๆ กันครบทุกตัว

เจ้าทิ้งดูจะมีวีรกรรมการโดนขังมากกว่าใครเลยละมั้ง ขนาดโดนขังในบ้านตัวเองยังเคย เย็นวันหนึ่งป๋ากลับมาก็ถามถึงหนูทิ้งตัวโปรดของป๋า ฉันก็เอะใจว่ามันหายไปไหน นึกออกว่าวันนี้เปิดประตูระเบียงไว้ แล้วพอจะออกไปข้างนอกก็รีบปิดแล้วออกไปเลย ผลก็คือมันติดอยู่ที่ระเบียงจริงๆ พอไปเปิดให้มันร้องบ่นซะเสียงดังเชียว แถมงอนไม่ยอมกินอาหารที่ฉันเทให้ (แต่แอบไปกินหลังฉันเดินออกจากห้องครัว)

แล้วอีกคืนหนึ่งฉันตื่นกลางดึกมากินน้ำ ได้ยินเสียงแมวร้องมาแว่วๆ ปกติถ้าคืนไหนฝนตกพวกแมวจะไม่ค่อยไปเที่ยวนอกบ้านกัน คืนนั้นฝนตกและหาเจ้าทิ้งไม่เจอ ฉันเลยสวมวิญญาณตีนแมวไปเดินด้อมๆ มองๆ ข้างบ้านพี่หนึ่ง โป๊ะเชะ เจ้าทิ้งติดอยู่ในบ้านพี่เขาอีกแล้ว แล้วพี่เขาไปไหนล่ะเนี่ย เวรกรรมจริงๆ ยุคนั้นเรายังไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้กันเกลื่อนอย่างทุกวันนี้นะ เลยได้แต่รอตามบุญตามกรรม พอเจ้าทิ้งได้ยินเสียงฉันมันยิ่งร้องดังขึ้นๆ เจ้าชูมานั่งเป็นกำลังใจตลอดงาน จนตี 1-2

นี่แหละที่พี่หนึ่งกลับมา เปิดประตูได้มันก็วิ่งแจ้นกลับเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว จะเข็ดมั้ยเนี่ย

เหล่า 3 สหายเหมียวๆ ต่างเข้าไปบ้านพี่หนึ่งจนเขาเริ่มชินกับแมว ตอนหลังที่เราย้ายบ้านเข้ากรุงเทพฯ ได้กลับไปเยือนที่นั่นอีกครั้งในตอนน้ำท่วมใหญ่ประเทศไทยปี 2554 เราก็พบว่าพี่หนึ่งไปเก็บแมวมาเลี้ยงจนเต็มบ้าน กลายเป็นชนเผ่าแพ้แมวไปอีกคนหนึ่ง (เย่)

กลับมาเรื่องแมวกันต่อ การเข้าบ้านพี่หนึ่งเริ่มซาลงหลังจากเราย้ายบ้านมาอยู่อีกหลังที่เยื้อง ๆ กับหลังเดิม (หรือจริง ๆ เราไม่เห็นมันเข้าไปบ้านพี่หนึ่งก็ไม่รู้สิ) แต่มันกลับไปติดบ้านคนอื่นแทน

เจ้าทิ้ง (อีกแล้ว) เข้าไปติดบ้านพี่อีกคนที่อยู่ตรงข้าม ตอนนั้นเป็นตอนกลางวันเลยไม่มีใครอยู่บ้าน ฉันได้ยินเสียงแมวร้องเลยเดินไปดู ครั้งนี้นอกจากเสียงก็ยังเห็นจมูกยื่นออกมาให้เห็นใต้บานประตู มันแหกปากร้องอีกเช่นเคย จนเจ้าเหมียวกับเจ้าชูตามมาอยู่เป็นกำลังใจอยู่นอกบ้าน ฉันต้องเดินไปที่ทำงานของป๋าเพื่อขอยืมกุญแจบ้านของพี่เขามาเปิด ออกมาได้ก็เผ่นกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

ครั้งหนึ่งที่น่าจะหนักที่สุดก็คือเจ้าทิ้งหายไปจากบ้านทั้งวันทั้งคืน

วันนั้นมันหายไปตอนไหนก็ไม่ได้สังเกต เพราะไอ้พวกนี้ก็หายทั้งหัวทั้งตัวไปเที่ยวเล่นกันเป็นปกติอยู่แล้ว มาเริ่มสังเกตก็ตอนเย็นย่ำไม่เห็นมันมากินอาหาร ฉันพยายามนึกหัวแทบแตกว่าวันนั้นเห็นเจ้าทิ้งบ้างหรือเปล่า พอดึกเข้ามันยังไม่กลับฉันก็เริ่มสติแตก ตามหามันแถวบ้านก็ไม่มีอะไรคืบหน้า มันไม่ได้ไปติดบ้านไหนเลย คืนนั้นทั้งคืนฉันหลับ ๆ ตื่น ๆ ฝันร้ายไปเรื่อยถึงเรื่องเจ้าทิ้ง

ตอนเช้า ฉันนั่งร้องไห้เพราะคิดว่ามันจะไม่ได้กลับมาแล้ว ระหว่างกำลังพร่ำรำพันกับป๋า จู่ ๆ เจ้าทิ้งก็เอาหัวชนพลาสติกปิดประตูแมวแล้วก็วิ่งพรวดเข้ามา หันมามองฉันแล้วร้อง “แง้ว” ครั้งหนึ่ง แล้วก็วิ่งเข้าครัวไปกินอาหารเม็ดกรอบแกรบ ๆ ปล่อยให้ฉันนั่งร้องไห้พลางหัวเราะเหมือนคนบ้าต่อไป

สันนิษฐานกันว่ามันไปติดบ้านหลังอื่นที่อยู่ไกลออกไป เป็นบ้านของอีกบริษัทหนึ่งในเครือที่เราไม่ค่อยคุ้นเคย เนื่องจากไม่เคยเห็น 3 แมวไปเที่ยวเล่นแถวนั้น จึงไม่คิดว่ามันจะไปติดที่นั่น …ก็ได้แต่สันนิษฐานเพราะไอ้ตัวดีมันพูดไม่ได้

เช้านั้น เจ้าทิ้งกินเสร็จก็ตรงดิ่งไปนอนที่มุมสงบของมันทันที

(หม่าม้าเองก็ขอไปนอนด้วย นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืนเพราะมันนั่นแหละ)


มีประตูแมวไว้ สบายทั้งแมวทั้งคนจริง ๆ นะคะ

ความคิดเห็น