เรื่องเล่าจากหนังสือ 3 แมว 2 คน : EP 12 แมวชวนชิม


รายการทีวีของไทยเปิดไปแทบจะไม่เจอหัวข้อใหม่ ๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเที่ยวกับกิน สัดส่วนของรายการประเภทพาเที่ยวกับพาชิมดูจะใกล้เคียงกัน แถมพกมาด้วยรายการสอนทำอาหาร บางทีก็ควบรวมไปในรายการเดียวกัน แล้วยังมีพาชิมพาเที่ยวสอนทำอาหารทางนิตยสาร หนังสือเล่ม และบนอินเทอร์เน็ต

ฉันเคยสนใจเรื่องกินมากถึงขนาดไปเสิร์ชหา แล้วเซฟเป็นไฟล์ ไม่ก็จดยุกยิกเก็บไว้ในสมุด แต่ก็ไม่เคยได้ไปร้านนั้นเลยสักครั้ง แถมจะลืมเลือนไปซะอีกจนกว่าจะเปิดมาดูใหม่ ไม่เคยทำกินได้ตามนั้น ที่สำคัญข้อมูลมันเยอะมากจนจำไม่หวาดไม่ไหวกันทีเดียว ที่สุดฉันก็ลบมันทิ้งไปทั้งหมด ไว้เจอร้านไหนก็เข้าไปกิน เรา 2 คนไม่ได้มาสายกินกันเลยทั้งคู่

เมื่อเห็นร้านอาหารและรายการอาหารนับร้อยนับพันที่มีมากมายสำหรับคนอย่างเรา ก็ให้นึกสงสารพวกแมว ๆ ที่วัน ๆ ได้แต่กินอาหารเม็ดอย่างน่าเบื่อไปปีแล้วปีเล่า กินอย่างอื่นไม่ได้เพราะมักมีข้อห้ามต่าง ๆ นานาออกมาว่าแมวไม่ควรกินนั่น ไม่ควรกินนี่ ไม่ควรกินโน่น จำไม่ไหวจนไม่ให้มันกินอย่างอื่นไปเลย อาหารเม็ดนี่แหละง่ายดี เทแกร๊กแล้วไสไปข้างหน้าให้มันกินเอง ง่ายจริง ๆ นั่นแหละ แต่ก็ใช่ว่าแค่อาหารเม็ดจะง่ายกับแมวบางตัวนะ

อย่างเจ้าเหมียวนี่เป็นตัวแรกที่ไม่ยอมกินอาหารเม็ดที่เทวางเอาไว้นาน ๆ มันจะเดินมากดดันให้เราต้องเทอาหารเม็ดใหม่สดจากกระป๋องให้มันเห็นกับตา ถึงจะยอมกินได้ (ที่บ้านเราเก็บอาหารเม็ดในกระป๋องพลาสติก ปิดฝาอย่างดีกันกลิ่นหาย)

นังเหมียวกดดันโดยการเดินมานั่งหน้าถ้วยอาหารแล้วรอ รอ รอ จนเราทนไม่ได้ต้องเดินไปตักให้มัน แต่ที่หนักกว่าเจ้าเหมียวก็คือเจ้าทิ้ง อย่างเหมียวนี่ถ้าเทใส่ถ้วยให้เห็นจะจะตาก็จะยอมกินจนอิ่ม แต่เจ้าทิ้งสิเทให้เห็นก็กินแค่ 2-3 เม็ด แล้วเดินหนีไป สักพักก็จะกลับมาอ้อนขอกินใหม่อีกครั้ง

วัน ๆ ฉันต้องเดินเข้าออก เข้าออก ห้องครัวเป็นว่าเล่น แทบไม่ต้องทำงานทำการอะไรเลย พอเล่าให้ป๋าฟัง ป๋าก็บอกว่า “อย่างนี้ต้องฝึก” ไอ้เราก็ขี้เกียจเถียงว่ามันยุ่งยากขนาดไหน และผลสำเร็จแทบไม่เห็น เอ้า ฝึกก็ฝึก… วันรุ่งขึ้นฉันก็เริ่มปฏิบัติการ

ปกติตอนฉันลุกจากเก้าอี้ทำงานเมื่อไร เจ้าทิ้งจะเข้าประกบแล้วร้อง “แอ๊ะ แอ๊ะ…” (เจ้าทิ้งร้องเสียงแบบนี้จริง ๆ นะ) แล้วทำหน้าละห้อยเหมือนหิวใจจะขาด ดังนั้นวัน ‘ฝึก’ ฉันก็เลยพยายามลุกจากเก้าอี้ให้น้อยลง กินน้อยลง เข้าห้องน้ำน้อยลง เดินไปพักผ่อนน้อยลง ครั้งใดที่ลุกจากเก้าอี้ฉันจะทำใจแข็งไม่มองหน้ามัน เดินทำธุระเสร็จก็กลับไปทำงานต่อ ยื้อได้จนถึงเย็นตอนที่ป๋ากลับจากทำงาน

ฝ่ายเจ้าทิ้งเห็นฉันใจดำกับมันตลอดทั้งวัน มันก็เลยหันกลับไปอ้อนป๋าแทน ทุกครั้งที่เขาลุกเดิน มันจะรีบวิ่งไปดักหน้าพร้อมเสียงร้องบาดใจ “แอ๊ะ แอ๊ะ…” พร้อมเอาลำตัวแปะติดกับขาป๋าซะเลย

ผ่านไปได้ราวชั่วโมงหนึ่ง ป๋าก็เริ่มเสียสติกับการตามตื๊อของเจ้าบุญทิ้ง และจบลงด้วยการยอมตามใจไปเทอาหารให้มันจนได้ นับแต่นั้นมาเจ้าบุญทิ้งก็รักป๋าเอามาก ๆ ติดป๋าแจไม่ยอมห่าง ก็หม่าม้าน่ะใจร้ายซะขนาดนั้น เฮ้ย…ป๋าสั่งหม่าม้าทำนะเจ้าทิ้ง

ส่วนเจ้าตัวที่ไม่มีปัญหาเรื่องกินเลยน่าจะเป็นเจ้าชู เอ่อ…จะว่าไม่มีปัญหาก็ไม่เชิง ปัญหาของมันมีอยู่นิ้ดดดดเดียว คือมันกินทุกอย่างที่ขวางหน้าได้เกลี้ยงเกลา มันไม่กินอยู่อย่างเดียวก็คือผัก

ช่วงมันมาอยู่ใหม่ ๆ ไม่รู้ไปคาบไก่ย่างที่มีเนื้อติดกระดูกนิดหน่อยมาจากไหน มันเอามาแทะ แทะ แทะ หันมาอีกทีไม่เหลือแม้แต่กระดูก (เจ้ยยยยย ตกใจนะนั่น!!) อาหารเม็ดก็กินเกลี้ยงถ้วยแบบไม่ต้องล้าง แถมยังช่วยไปล้างถ้วยของตัวอื่นอีกด้วย กินจนพุงกาง ป่องเฉพาะตรงพุง ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่ามันตั้งท้อง (ม่ายยยยย บุญชูเป็นชายนะ) หรือจะเปลี่ยนชื่อมันเป็นชูชกดีนะเนี่ย

ครั้งหนึ่งเห็นมันนอนหงายเหมือนแมวขึ้นอืดตาย ฉับพลันที่หูมันได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของหมูแผ่นที่ฉันหยิบมากิน มันก็ลุกสะลึมสะลือมานั่งข้าง ๆ ส่งให้มันกินกี่ชิ้น ๆ ก็หายวับไปในพริบตา

พอหมูหมดแมวชูก็กลับไปนอนต่อ ส่วนฉันได้แย่งมันกินนิดเดียวเองง่ะ

นาน ๆ ครั้งเราถึงจะมีอาหารอื่นให้มันได้ลิ้มชิมรสชาติเสียบ้าง ที่ว่านาน ๆ ครั้งเพราะงบจำกัด อย่าว่าแต่แมวเลย คนเองยังไม่ค่อยได้กินอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ กับเขาเลย อาหารทะเลถือเป็นอาหารยอดนิยมของ 3 เหมียว

เคยเอากุ้งแชบ๊วยอบเกลือมาฝากหนูเหมียว 2 ตัว (แอบหยิบมาจากวงเหล้า อิอิ) มันร้องแง้วววอย่างสติแตกในระหว่างที่ฉันแกะเปลือก บางครั้งพอมีตังค์ก็ไปซื้อหอยแมลงภู่มาอบ ระหว่างนั้นเรา 2 คนแทบประสาทเสีย เพราะกลิ่นของหอยแมลงภู่ช่างยั่วยวนเหล่าแมวแทบจะกระโจนเข้าไปในหม้อนึ่ง กลายเป็นแมวนึ่งซะเอง เราต้องคอยห้ามคอยขู่ไม่ให้มันเข้าไปใกล้ พอได้กินก็กินแบบตายอดตายอยากเหมือนจะกินถ้วยอาหารเข้าไปด้วยซะเลย

อาหารอื่น ๆ ที่ทำให้แมวเสียสติได้อีกก็มีพวกปลากระป๋อง ปลาหมึกแห้ง กุ้งแห้ง ปลาหมึกสดต้ม ปลาเส้นอบแห้ง ครั้งหนึ่งฉันซื้อปลาหมึกหวานจากหนองมน แต่ด้วยความที่มันมีรสเผ็ด ฉันเลยไม่กล้าให้แมวกิน ดังนั้นตัวฉันจึงต้องไปแอบหลบมุมกินไม่ให้มันได้กลิ่น ให้อารมณ์เหมือนตอนเป็นเด็กนักเรียนแล้วแอบกินขนมในห้องเรียน

ครั้งหนึ่งเคยเอาปลาหมึกแห้งบดมาฝาก 3 แมว เจ้าเหมียวกินแล้วเกิดแพ้ปลาหมึกที่กินไป อาการก็คือวิ่งเล่นคึก เล่นลูกปิงปอง เล่นไม้หนีบผ้า เล่นปากกา แถมยังชวนตัวอื่นเล่นด้วย ทำเอาแมวอีก 2 ตัวกับเรา 2 คนนั่งมองมันอย่างอึ้ง ๆ เพราะไม่เคยเห็นเจ้าเหมียวเป็นอย่างนี้มานานมากแล้ว ก็นะ ระยะหลัง ๆ มันจะติดมาดคุณนายจนเราถึงกับเกรงใจ

สำหรับเจ้าเหมียวก็มีอาหารพิเศษเฉพาะตัวที่ตัวอื่นไม่ชอบนั่นก็คือ ของหวาน โดยเฉพาะของหวานใส่นมหรือกะทิ พี่แกชอบมาก ครั้งแรกที่เห็นก็เป็นข้าวเหนียวมูนที่มันดม ดม ดม แล้วก็ก้มลงเคี้ยวหนุบหนับอร่อยมาก ๆ อย่างอื่นที่ต้องแบ่งมันกินด้วย (เพราะมันมานั่งกดดันอยู่ข้าง ๆ) ก็คือ ขนมครก ขนมถ้วย สังขยา ขนมปัง เค้ก โยเกิร์ต นมสด ฯลฯ มีอย่างเดียวที่ไม่เข้าพวกก็คือ บ๊วยเค็ม

รู้ว่ามันชอบกินครั้งแรกก็ตอนพามันไปนั่งรถเล่น ฉันหยิบบ๊วยเค็มมากิน มันเดินพล่านไปทั่วรถ พอยื่นให้มันก็เลีย เลีย เลีย บ๊วยเค็มในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ โดนแมวแย่งกินอีกแล้วเนี่ย

แมวแต่ละตัวนิสัยต่างกัน นิสัยการกินก็ต่างกัน บางคนอาจบอกว่าอาหารนี่นั่นโน่นไม่ดีกับแมว ฉันว่าตอนที่มันมีชีวิตอยู่ ก็ให้มันได้เลือกกินในสิ่งที่มันชอบจะดีกว่า หากว่าสิ่งที่มันกินไม่ถึงขั้นทำให้เสียชีวิตอย่างฉับพลันทันที

ชีวิตมันสั้นนัก ให้มันมีความสุขกับชีวิตไว้จะดีกว่า

ความคิดเห็น