ก่อนเลี้ยงแมว เรายังต้องเดินทางกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวของแต่ละฝ่ายครั้งละ 2-3 วัน ตอนเลี้ยงหมายังไม่ค่อยห่วงเท่าไร เพราะฝากคนอื่นให้ข้าวกินได้ไม่อด แต่เมื่อได้แมวมาเลี้ยงจะปล่อยให้มันอยู่กินนอกบ้านก็เป็นไปไม่ได้ กลัวหมาไล่ฟัดตาย แล้วยังกลัวมันหลงติดรถคนอื่นหายไป ห่วงสารพัด เรื่องขังมันไว้ที่บ้านไม่ต้องคิดเลย แค่ปิดบ้านไม่ถึงชั่วโมงเพื่อไปตลาด พอเรากลับถึงบ้านยังไม่ทันเปิดประตูก็ได้ยินเสียงร้องดังลั่น พอเปิดประตู มันก็พุ่งออกจากจุดสตาร์ตเหมือนนักวิ่งร้อยเมตรเพื่อไปสู่เสรีภาพ
ตอนที่ยังมีเจ้าเหมียวแค่ตัวเดียว เมื่อถึงคราวต้องกลับบ้านฉันหรือบ้านป๋าแต่ละครั้ง ก็ต้องหอบหิ้วมันขึ้นรถส่วนตัวไปด้วย เราเดินทางพร้อมสรรพด้วยเครื่องเครา ทั้งถ้วยข้าวแมว ถ้วยน้ำ และที่ขาดไม่ได้คือถาดทรายแมว ที่วางตั้งกันตรงพื้นด้านหลังกันเลยทีเดียว จะเข้าตอนไหนก็ได้ตามสะดวก
ครั้งแรกๆ ที่ขึ้นรถ เจ้าเหมียวจะตื่นตาตื่นใจและตื่นกลัว เดินไปเดินมา จากเบาะหลังมาตักป๋าเบาะหน้า มาตักฉันคนขับรถ เกาะดูนอกหน้าต่างรถ แล้วเดินลงไปใต้เบาะคนขับ เดินขึ้นผ่านเกียร์ เดินขึ้นตักป๋า ดูหน้าต่างรถ เดินไต่ขึ้นไหล่คนขับ กระโดดข้ามไปลงเบาะหลัง เกาะมองกระจกหลัง เดินจนฉันปวดกะโหลกอยากจับทำแมวมัมมี่ซะให้ได้ ระหว่างนั้นก็ร้องโหยหวนน่าสงสาร ต้องให้ป๋าที่ไม่ได้ขับรถเป็นคนปลอบมัน
ขับไปได้ระยะหนึ่ง มันก็มานอนขดตัวบนตักคนขับซึ่งก็คือฉัน แล้วก็หลับ เหมือนให้ฉันเป็นตัวประกันความปลอดภัย ว่าจะยังไงเสียคนขับก็จะทิ้งมันไปไหนไม่ได้
พอรถติดไฟแดงมันก็ผงกหัวขึ้นดู แล้วลุกขึ้นมาทำพิธีกรรมการเดินอีกครั้ง กว่าจะลงไปนอนอีกก็เกือบติดไฟแดงอีกแยกหนึ่ง ไปสงบกันก็ตอนแวะจอดเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
ตอนเดินกลับมาที่รถ เราก็เห็นมันกำลังกลบทราย พอเปิดประตู กลิ่นแมวเข้าห้องน้ำหึ่งออกมาเลย แต่เจ้าเหมียวก็สงบลง คงเป็นพิธีกรรมลับบางอย่างของแมวในการเจิมให้รถมีบรรยากาศเหมือนบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แต่ถึงจะเจิมแล้ว นานๆ ครั้งกว่าจะเดินทางสักทีก็ต้องใช้เวลาในการทำตัวให้คุ้นเคยกับรถไปซะทุกครั้ง
ครั้นอยู่บนรถหลายๆ ครั้งเข้าก็เริ่มชิน บางครั้งมันขึ้นไปนอนที่คอนโซลด้านหลังรถ กลายเป็นตุ๊กตาแมวท้ายรถที่ขยับได้ เด็กที่นั่งในรถคันที่ขับตามหลังมามักชี้ชวนกันดูเจ้าเหมียวด้วยความสนุกสนาน มันชอบมุมนั้นมากแม้แต่ตอนจอดรถอยู่ที่บ้านมันก็ชอบไปนอนเล่นบนนั้นประจำ
| ตุ๊กตาประจำรถ |
มันยึดสถานที่นั้นเป็นพื้นที่ของมัน ครั้งหนึ่งมีเพื่อนรุ่นน้องขอติดรถเข้ากรุงเทพฯ ด้วยคนหนึ่ง เขานั่งเบาะหลัง เจ้าเหมียวก็เดินไปเดินมาตลอดระยะทาง 3 ชั่วโมง ไม่ได้พัก แต่พอน้องคนนั้นลงรถแถวบางนา มันก็สงบแล้วลงไปนอนทับที่น้องคนนั้นทันที ราวกับว่ามันทวงคืนพื้นที่ได้สำเร็จแล้ว
ความยากลำบากไม่ได้หมดแค่การเดินทาง ถ้าต้องจอดรถซื้อของตามห้างก็ต้องเลือกจอดในที่ร่ม แล้วต้องซื้อน้ำแข็ง 2-3 ถุง เทใส่กระติกใบใหญ่ที่ซื้อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เปิดฝาทิ้งไว้เพื่อให้ความเย็นกับเจ้าเหมียว ก่อนปิดประตูก็แง้มกระจกหน่อยหนึ่ง โชคดีว่ารถเราเป็นรถเก่ามากๆ หลายครั้งที่ฉันลืมล็อกประตูก็ยังปลอดภัยดี แฮ่ๆ ก็ถึงเข้ามาก็เอาอะไรไปไม่ได้ เครื่องเสียงก็ไม่มี เงินก็ไม่มี เว้นแต่จะสตาร์ตรถได้นั่นแหละถึงจะเอาไปได้ทั้งรถทั้งแมว
ดังนั้นเลยปลอดภัยที่จะแง้มกระจกไว้
ครั้งแรกเดินห้างสักพักเริ่มห่วง รีบกลับมาดู นึกว่าเจ้าเหมียวจะกระวนกระวาย เปล่าเลย มันนอนหงายท้องอืด แถมมองหน้าแบบหงุดหงิด เราเลยต้องรีบกลับไปเดินอีกรอบ รอบหลังนี่กลับมาพร้อมของฝากจากร้านอาหารด้วย
ถึงบ้านฉันยิ่งลำบาก เพราะแม่ฉันไม่ชอบแมว ไม่ชอบหมา ไม่ชอบหนู ไม่ชอบสัตว์เลี้ยงอะไรทั้งสิ้น ฉันจึงต้องขังมันไว้ในห้องนอนชั้นบน พอเข้าไปหามัน มันก็แหกปากร้องประท้วงซะลั่นบ้านเหมือนฉันกักขังทรมานมันมานานนับเดือน
ที่บ้านป๋าดีหน่อยเพราะเขาชินกับแมวกันทั้งบ้าน แต่ไม่ดีตรงที่ปล่อยมันให้วิ่งเล่นไปทั่วไม่ได้อีกเหมือนกัน เดี๋ยวมันจะไปลุยโต๊ะหมู่บูชา หรือไม่งั้นก็อาจหลบออกจากบ้านเตลิดหนีไปไหนต่อไหน เราเลยต้องสลับกันขังมันไว้ในรถบ้าง ในบ้านบ้าง แต่อยู่ในบ้านก็ต้องใส่ปลอกคอให้มันพร้อมสายจูงลากยาวไม่ให้มันไปไหน ตอนนอนก็ต้องนอนโดยมีมือหนึ่งกำสายจูงเก็บมันไว้ในมุ้งไม่ให้เดินเพ่นพ่าน ลำบากลำบนกันมากมาย
มันนอนอย่างสงบเสงี่ยมทั้งในวงเหล้าทั้งในมุ้ง จนพี่สาวป๋าออกปากว่า “มันเป็นแมวมีสกุล”
| บุญทิ้งผู้มีปรัชญาว่าอยู่บ้านสบายกว่าเยอะ |
พอได้เจ้าบุญทิ้งมาเป็นสมาชิกตัวที่ 2 ของบ้าน สมองก็เริ่มคิดถึงความยากลำบากแบบคูณสอง แต่ยังไม่ทันที่เราจะได้เดินทางไปไหนมาไหนพร้อมแมว 2 ตัว เจ้าบุญชูก็เข้ามาเป็นสมาชิกตัวที่ 3 หากต้องเดินทางพร้อมแมว 3 ตัวคงไม่สนุกแน่ๆ คราวนี้เราจึงต้องเริ่มคิดหาทางออกอื่น
| บุญชูแมวขี้กลัว |
ผลสรุปก็ออกมาที่ทำประตูแมวที่บ้าน เพื่อให้มันออกไปเที่ยวเล่นได้เสรี
อีกเหตุผลหลักที่สำคัญมากๆ ที่ทำให้เราต้องเจาะประตูทำประตูแมวก็คือ การไปไล่ตามหาแมว 3 ตัวให้เข้าบ้านตอนดึกในพื้นที่เปิดกว้างขนาดนั้น (เป็นหมู่บ้านพนักงานไม่มีรั้วระหว่างบ้าน มีแค่รั้วใหญ่รอบบริเวณ) ถือเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนสาหัส ถ้าเปิดให้มันเข้าออกเองได้ก็น่าจะดีทั้งกับเราทั้ง 2 คนและมันทั้ง 3 ตัว
เนื่องจากตอนนั้นสภาพคล่องทางการเงินมีอยู่น้อย ไม่ค่อยมีตังค์จะกิน การจะหาซื้อประตูแมวแบบหรูหราไฮโซเป็นอันเลิกคิดไปเลย ที่เราทำได้ก็มีแค่เพียงเจาะประตูหลังบ้านให้เป็นช่องใหญ่พอให้แมวลอดผ่านได้ คราวนี้ตรงช่องประตูก็พยายามหาโน่นนี่นั่นมาลองปิดเพื่อกันยุง
ได้แผ่นรองเมาส์มาตัดปิดให้พอดีช่อง เสร็จแล้วก็ถึงตอนสอนแมวให้ใช้ประตู
ตอนแรกมันเข้ามาดมๆ ด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่มีตัวไหนกล้าใช้งานประตูแมว เย็นนั้นเราจึงปฏิบัติการปิดประตูเพื่อฝึกแมว ฉันนั่งอยู่ในบ้าน ป๋านั่งอยู่นอกบ้าน คนละฝั่งของประตู
เริ่มจากเจ้าเหมียว ฉันจับเอาหัวมันดันผ่านประตูพลาสติกออกไปนอกบ้าน มันโก่งตัวฝืนสุดชีวิตไม่ยอมมุด ฉันก็ฝืนดันจนหัวมันทะลุออกไปอีกฝั่ง พอหัวผ่านไปได้มันถึงเริ่มออกเดินไปด้านนอกเอง ที่ด้านนอกป๋ารอจับตัวเจ้าเหมียวแล้วดันมันกลับเข้าบ้านด้วยวิธีเดียวกัน เราจับมันมุดเข้ามุดออก 4-5 รอบก็เริ่มไม่ค่อยฝืนเท่าไรแล้ว แต่วิ่งหนีหายไปหลังจากเราปล่อยมันเป็นอิสระ จากนั้นเราก็เปลี่ยนไปฝึกเจ้าทิ้งกับเจ้าชูเป็นรายต่อๆ ไป มันก็โก่งตัวฝืนสุดชีวิตกันทุกตัว กว่าจะเสร็จเราทั้งขำทั้งเหนื่อย
ผลจากการฝึกคืนนั้นปรากฏขึ้นหลังจากเราเข้านอนแล้วสักพัก
สองพี่น้อง เหมียวกับบุญทิ้ง ออกไปนอกบ้านได้แต่เข้าไม่ได้
เจ้าบุญทิ้งมายืนคุ้ยแคะแกะประตูหน้าบ้านจะขอเข้า ส่วนเจ้าเหมียวก็ไปนอนหลบอยู่ใต้ถุนบ้านหลังข้างๆ กัน พอฉันเปิดประตูเจ้า 2 เสือก็รีบวิ่งเข้าบ้านทันที ส่วนเจ้าชูเลือกทางปลอดภัยให้ตัวเองด้วยการนอนหลับอุตุอยู่ในบ้าน
ไม่นานนักพวกมันก็ใช้ประตูแมวกันเป็นทุกตัว เช้าวันต่อมาเราพบว่ามีกบเขียดตายอยู่ในบ้าน 2 ตัว สรุปว่ามันเข้าออกกันเป็นแล้ว
นับจากวันนั้นแมวก็ปรับการใช้ชีวิตเสียใหม่ ช่วงกลางวันหมดไปกับการนอนอืดกันถ้วนหน้า เราได้แต่สงสัยว่าพวกมันคงจะออกตะลอนเที่ยวดึกๆ กันทุกตัว
พูดถึงซากสัตว์ตาย หลังจากเราเจาะประตูก็มักมีสัตว์เล็กๆ นอนตายในบ้านบ่อยครั้ง กบ เขียด จิ้งจก กิ้งก่า จิ้งเหลน เป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือคดีฆาตกรรมหนูในยามราตรีที่สยดสยองเอามากๆ
เช้านั้นตี 5 ฉันตื่นมาแบบง่วงๆ ลงมากินน้ำชั้นล่าง จากแสงของตู้เย็นฉันมองเห็นหัวหนูขนาดใหญ่แอ้งแม้งอยู่หน้าตู้เย็น
เมื่อเปิดไฟดูก็แทบไม่เชื่อสายตา ทั่วพื้นห้องเต็มไปด้วยคราบเลือดเกรอะกรัง ตั้งสติได้ก็เริ่มเช็ดทำความสะอาด เอาถุงเท้าเก่าๆ ของป๋ามาเช็ดแล้วทิ้ง คงทำใจเอาไปซักไม่ไหว ตอนเช็ดพื้นฉันต้องใช้ถุงพลาสติกสวมมือเพื่อกันคราบเลือดด้วย เช็ดไปจนถึงใต้เก้าอี้ทำงาน ก็พบกับหนูไร้หัวที่ร่างกายมีขนาดใหญ่มากนอนหงายตัวแข็งทื่อ ฉันต้องจับไปทิ้งด้วยความสยดสยอง
จากนั้นก็เริ่มถูบ้านอีกรอบ พอสายๆ ก็รีบไปซื้อเดทตอลมาผสมน้ำถูพื้นอีกรอบ ฉันต้องถูพื้นบ้านอีกหลายรอบด้วยเดทตอลกว่าจะยอมวางใจลงนอนบนพื้นได้อีกครั้ง โดยไม่มีภาพของเลือดมาหลอกหลอน
หลังจากนั้นก็ยังคงมีซากหนูปรากฏให้เห็นประปราย แต่ไม่นองเลือดเท่าครั้งแรก ดูเหมือนมันเริ่มรู้วิธีจัดการกับเหยื่อได้ดีขึ้น (เอ๊ะ ดีขึ้นหรือเปล่านะ) ตอนนี้ชีวิตอิสระก็เป็นของแมวแล้ว เย้
ยังค่ะ เรื่องของแมวกับประตูยังไม่จบ
หลังจากอยู่บ้านนั้นมาชั่วระยะนานพอสมควร บ้านเยื้องๆ ไปด้านหลังเราก็ว่างลง เราก็เลยขอย้ายไปบ้านนั้นแทน และตามไปเจาะประตูแมวที่นั่นอีก แล้วปิดตายประตูเล็กที่บ้านเดิม แรกๆ เจ้าเหมียวกับเจ้าทิ้งวิ่งไล่กันแล้วจะพุ่งเข้าบ้านหลังเดิมก็ต้องมึนงงอย่างจัง เพราะแทนที่จะเจอช่องประตู มันกลับชนเข้ากับไม้เต็มๆ กว่าจะชินกับบ้านใหม่ก็สงสัยหัวโนไปหลายวันเลยทีเดียว
และเรื่องความเปิ่นของเจ้าชูกับประตูแมวยังมีตามไปยังบ้านใหม่ แม้ว่ามันจะเรียนรู้วิธีใช้ประตูแมวได้พอสมควรแล้วก็ตาม บานประตูแมวของบ้านใหม่ เราเปลี่ยนจากแผ่นรองเมาส์ไปเป็นพลาสติกที่ทำปกแฟ้ม จริงๆ แล้วครั้งที่ใช้แผ่นรองเมาส์เจ้าชูก็ยังเหมือนใช้งานไม่ค่อยเป็น ที่บ้านเก่าเราติดแผ่นรองเมาส์ไว้นอกประตู เวลามันจะเข้าบ้านมันจะใช้เท้าหน้าแคะประตูแมวให้เปิดออกแล้วค่อยเอาหัวมุดเข้ามา พอมาบ้านใหม่ เราเปลี่ยนมาใช้แผ่นพลาสติกติดไว้ด้านในบ้าน เจ้าชูถึงกับเข้าไม่เป็น
ตกดึกคืนนั้นมันมาร้องอยู่หน้าบ้านขอเข้าบ้าน พอเปิดให้เข้ามามันก็วิ่งไปกินอาหารในครัวอย่างตายอดตายอยาก แล้วก็ไม่ยอมออกไปไหนอีกหลายคืน จนกระทั่งวันหนึ่ง…
วันนั้นเจ้าชูนอนอยู่ในบ้าน แล้วเจ้าเหมียวก็เดินเอาหัวชนประตูแมวผ่านเข้ามาอย่างหาญกล้าไม่มีลังเล เจ้าชูเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกตะลึง แล้วบุญชูก็ลุกขึ้นไปที่ประตูแมว ค่อยๆ เอาหัวดันแผ่นพลาสติกแบบหยั่งเชิง แล้วก็ดันแรงขึ้นจนตัวมันก้าวข้ามผ่านพ้นออกไปนอกบ้านได้ในที่สุด
| เหมียวสบายใจแล้ว ไม่ต้องเดินทาง |
หมายเหตุ : ช่วงย้ายเข้ากทม.แรกๆ เราไปอยู่บ้านแม่ ที่ไม่มีรั้วรอบขอบชิดให้ 3 แมวได้วิ่งเล่นนอกบ้าน ก็เลยเลี้ยงระบบปิด กว่าจะพวกมันจะเริ่มกลับมาใช้ประตูแมวอีกครั้งก็ตอนซื้อบ้านให้แมวอยู่ ติดตามกันต่อนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น